ทำงานให้ Flow เลือกจัดห้องทำงานไว้ส่วนไหนของบ้านดี
หากมีห้องทำงานอยู่แล้วหรือกำลังจะสร้างพื้นที่ห้องทำงานใหม่เพื่อการทำงานที่ลื่นไหล นอกจากการตกแต่งห้องแล้ว ยังอาจเสริมเรื่อง ‘ฮวงจุ้ย’ เข้าไปได้ด้วยเช่นกัน เพราะนอกจากจะช่วยซัปพอร์ตด้านความคิดและจิตใจแล้ว หลักฮวงจุ้ยยังคำนึงถึงการใช้งานจริงอีกด้วย
โดยตำแหน่งห้องทำงานที่เหมาะสมควรที่จะมีความเป็นส่วนตัว แต่ไม่ทึบจนไม่มีแสงสว่างเข้ามาภายในห้อง ซึ่งตำแหน่งที่ดีที่สุดคือบริเวณชั้น 2 ของบ้าน และควรหันทิศทางห้องทำงานไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ หรือทิศตะวันตกเฉียงเหนือที่เป็นทิศมงคลของการจัดห้องทำงานในทางฮวงจุ้ยอ่าน
บทความน่าสนใจเพิ่มเติม: เคล็ดไม่ลับ จัดตกแต่งห้องทำงานในบ้านตามหลักฮวงจุ้ย งานดี เงินดี ชีวิตดี!

6 ไอเดียจัดห้องทำงาน Work ได้เต็มที่ พร้อม Relax ภายในต้ว
เมื่อกำหนดตำแหน่งและทิศทางของห้องทำงานแล้ว มาดูตัวอย่างการจัดห้องทำงานทั้ง 6 ไอเดียกันว่าจะมีสไตล์แบบไหนบ้าง แต่ละแบบให้ความรู้สึกอย่างไร และมีองค์ประกอบอะไรที่เหมาะสมกับการนั่งทำงานบ้าง

1. Art Deco Drama
การจัดห้องทำงานในสไตล์ Art Deco Drama เป็นการผสมผสานระหว่างความทันสมัยกับความคลาสสิกได้อย่างลงตัว ด้วยลักษณะที่ใช้การตกแต่งที่มีเส้นสมมาตร ทรงเรขาคณิต รวมถึงเลือกใช้วัสดุหรูหราที่เข้ากัน ทำให้ห้องทำงานสไตล์นี้จะให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สบายตา และใช้สมาธิกับการทำงานได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้แล้ว สไตล์ Art Deco Drama เน้นการตกแต่งที่ใช้ “เส้น” เป็นหลัก ดังนั้นหากมีการออกแบบตกแต่งภายในอย่างพิถีพิถัน ก็อาจทำให้ห้องทำงานเล็ก ๆ ในบ้านกลายเป็นพื้นที่ดูกว้างขวางขึ้นได้เช่นกัน

2. Scandinavian Serenity
สไตล์ Scandinavian Serenity เป็นสไตล์ที่เหมาะแก่การนำมาใช้จัดห้องทำงานเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการออกแบบตกแต่งที่เหมาะกับทั้งใช้ทำงาน หรือใช้พักผ่อนได้ โดยจะเป็นการใช้โทนสีสว่าง เช่น ขาว ฟ้าพาสเทล ครีม หรือสีเบจ ใช้เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งที่มีวัสดุมาจากธรรมชาติ และเน้นการตกแต่งที่โปร่งโล่ง เรียกได้ว่าถ้านำสไตล์นี้มาใช้ตกแต่งห้องทำงานก็สามารถเสริม Work Life Balance ได้เป็นอย่างดี

3. Wellness Space Design
สุขภาพร่างกายและจิตใจเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่ทำงานที่บ้านแบบ 100% การนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะทั้งวันอาจทำให้ร่างกายเกิดการ Drained Out ได้ ด้วยเหตุนี้จึงได้มีสไตล์การตกแต่งห้องทำงานในบ้านที่นำแนวคิดแบบ Wellness Space มาใช้ ซึ่งจะเป็นสไตล์ที่ใช้โทนสีสว่างที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เช่น สีขาว สีครีม ร่วมกับการใช้แสงธรรมชาติเข้ามาภายในห้อง รวมถึงการปลูกพืชตกแต่งที่สามารถปลูกภายในบ้านได้ เพื่อให้สามารถ Relax ร่างกายและจิตใจที่อาจกำลังรับภาระจากการทำงานตลอดวัน
อ่านบทความที่น่าสนใจ : 9 ต้นไม้ฟอกอากาศในบ้าน สร้างบรรยากาศร่มรื่น ปรับอากาศบริสุทธิ์

4. Modern Minimalist
สำหรับคนที่ต้องการออกแบบห้องทำงานที่เน้นฟังก์ชันเป็นหลัก สไตล์ Modern Minimalist ถือว่าตอบโจทย์มากที่สุด เพราะเป็นสไตล์ที่เน้นความเรียบง่าย ใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น แต่ทุกชิ้นสามารถใช้งานได้จริง โทนสีเน้นใช้โทนสว่าง หรือสีที่ให้ความรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย ช่วยให้โฟกัสกับสิ่งต่าง ๆ ได้ดี เช่น สีเทาอ่อน สีขาว และสีเบจ
นอกจากนี้การจัดห้องทำงานสไตล์ Modern Minimalist ยังสามารถช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานได้อย่างเต็มที่อีกด้วย
อ่านบทความที่น่าสนใจ : รู้จักสไตล์ Modern Minimal เทรนด์ตกแต่งภายในบ้านที่มาแรง สวยงาม เรียบง่าย และทันสมัย

5. Mid-Century Modern
สำหรับใครที่ยังอยากได้ฟังก์ชันและความทันสมัยแบบโมเดิร์น แต่อยากให้มีความวินเทจคลาสสิกเข้ามาด้วย Mid-Century เป็นสไตล์การตกแต่งห้องทำงานที่ใช่สำหรับคุณ เพราะจะมีการใช้โทนสีและรูปทรงของเฟอร์นิเจอร์แบบโมเดิร์น แต่เสริมความวินเทจด้วยวัสดุเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจาก “ไม้” เป็นหลัก เพื่อเพิ่มกลิ่นอายความวินเทจจากธรรมชาติ แต่ยังคงความทันสมัยไม่รู้เบื่อของสไตล์โมเดิร์นได้เป็นอย่างดี
การตกแต่งห้องทำงานสไตล์ Mid-Century Modern นี้จะช่วยให้บรรยากาศการทำงานผ่อนคลาย แต่นาน ๆ ไปก็ไม่รู้สึกโล่งจนน่าเบื่อ เพราะมีลูกเล่นจากสีของไม้เนื้อแข็งต่าง ๆ มาช่วยเสริมความมีชีวิตชีวาภายในห้องได้นั่นเอง

6. Sensorial Design
การจัดห้องทำงานในบ้านแบบ Sensorial Design เป็นการออกแบบตกแต่งที่จะใช้สิ่งกระตุ้นความรู้สึกต่าง ๆ ที่มากกว่าการใช้เฟอร์นิเจอร์ เช่น กลิ่น เสียง และแสง โดยองค์ประกอบเหล่านี้จะช่วยให้ผ่อนคลายสมองได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกใช้หน้าต่างกระจกบานใหญ่เพื่อให้มีแสงธรรมชาติเข้ามาภายในห้อง ในขณะเดียวกันก็สามารถเพลิดเพลินไปกับวิวภายนอกได้ เป็นการตกแต่งที่เหมาะกับคนที่ทำงานสายศิลปะ หรือสายงานที่ต้องใช้ความครีเอทีฟสูงเป็นอย่างมาก
จัดห้องทำงานให้หรูหรา ควรคำนึงถึงอะไรบ้าง
ในการจัดห้องทำงานในสไตล์ที่ชอบ แต่ยังคงความหรูหรานั้นมีหลากหลายปัจจัยที่ควรคำนึงถึง เพราะไม่ใช่แค่เรื่องเฟอร์นิเจอร์เท่านั้น แต่ยังควรมีการออกแบบให้ตอบโจทย์กับการทำงานด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งการจัดวางโต๊ะทำงาน รูปทรงโต๊ะ ความสว่างของแสงไฟ และของตกแต่งที่สวยงามแบบพอดี ไม่รบกวนสายตาขณะทำงาน ทุกสิ่งล้วนเป็นองค์ประกอบที่จะทำให้ห้องทำงานหรูหราและใช้งานได้จริง
เพื่อการออกแบบห้องทำงานที่ตอบโจทย์มากที่สุด การเลือกใช้บริการออกแบบตกแต่งภายในจากบริษัท Interior Design อาจจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า เพราะมัณฑนากรที่มีความเชี่ยวชาญจะช่วยออกแบบห้องทำงานที่ตรงกับความต้องการ และให้คำแนะนำในการเลือกเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างเหมาะสม

One Nine One Discreet Luxury Interior Design รับออกแบบตกแต่งภายในห้องทำงานที่บ้าน หรูหรา มีสไตล์ พร้อมเริ่มทำงานในทุกวัน
จัดห้องทำงานให้เป็นสไตล์ที่ใช่ในแบบของคุณ พร้อมกับเอกลักษณ์ความหรูหราที่ไม่มีใครเหมือน One Nine One Discreet Luxury Interior Design พร้อมตอบโจทย์การออกแบบตกแต่งภายในห้องทำงานด้วยบริการ รับออกแบบตกแต่งภายในครบวงจร ที่จะเนรมิตห้องทำงานในบ้านของคุณให้ออกมาตรงกับความต้องการ และฟังก์ชันที่ใช้งานได้จริงในทุกระเบียดนิ้ว
เพราะห้องทำงาน ควรเป็นสถานที่ที่ช่วยซัพพอร์ตความคิดสร้างสรรค์และสมาธิการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เราจึงใส่ใจทุกรายละเอียด ทั้งโทนสี เฟอร์นิเจอร์ ระบบไฟ หรือแม้แต่การใช้วัสดุผ้าม่านหรือพรม ทีมดีไซเนอร์ของเราพร้อมสร้างสรรค์ให้ในแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ครบครันด้วยบริการออกแบบและตกแต่งแบบครบวงจร ทั้ง Interior Design, Turnkey Interior Design, รวมถึงงานออกแบบเฟอร์นิเจอร์และงานจัดหาของตกแต่งที่เหมาะสมกับการทำงานของคุณ
ชมผลงานออกแบบตกแต่งภายในของ One Nine One Discreet Luxury Interior Design
หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-430-6789 และแอดไลน์ @1nine1