
1. เลือกวัสดุก่อสร้างที่เหมาะสม
การเริ่มต้นสร้างบ้านหรือต่อเติมบ้านด้วยการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เหมาะสม เปรียบเสมือนการวางรากฐานที่แข็งแกร่งเพื่อรับมือกับสภาพอากาศร้อนระอุของเมืองไทย วัสดุแต่ละชนิดมีคุณสมบัติในการนำพาและกักเก็บความร้อนที่แตกต่างกัน การทำความเข้าใจคุณสมบัติเหล่านี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกใช้วัสดุที่ช่วยลดความร้อนเข้าสู่ตัวบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
หลีกเลี่ยงวัสดุดูดซับความร้อนสูง
วัสดุบางชนิด เช่น ผนังคอนกรีตหนาโดยไม่มีฉนวน อาจดูดซับความร้อนในเวลากลางวันและคายความร้อนออกมาในเวลากลางคืน ทำให้บ้านอบอ้าว -
มองหาวัสดุที่มีคุณสมบัติสะท้อนความร้อน
วัสดุที่มีพื้นผิวสีอ่อนหรือมีการเคลือบสารสะท้อนความร้อนจะช่วยลดปริมาณความร้อนที่เข้าสู่ตัวบ้านได้ดี หลังคาที่มีฉนวนกันความร้อนและแผ่นสะท้อนความร้อนเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ
-
พิจารณาวัสดุที่มีรูพรุน
วัสดุบางชนิด เช่น อิฐบล็อกที่มีรูพรุน หรือผนังเบาที่มีช่องว่างภายใน จะช่วยให้เกิดการถ่ายเทอากาศและลดการสะสมความร้อนได้
-
ให้ความสำคัญกับฉนวนกันความร้อน
การติดตั้งฉนวนกันความร้อนบริเวณหลังคา ผนัง และใต้พื้น เป็นหัวใจสำคัญในการป้องกันความร้อนจากภายนอกและความเย็นจากภายในไม่ให้สูญเสียไป วัสดุฉนวนมีให้เลือกหลากหลาย เช่น ใยแก้ว โฟม หรือแผ่น PE
-
อย่ามองข้ามวัสดุธรรมชาติ
ไม้เป็นวัสดุที่ไม่นำความร้อนมากนัก และยังให้ความรู้สึกเย็นสบายตา การนำไม้มาใช้ในการตกแต่งภายในหรือเป็นส่วนประกอบของบ้านจึงเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ
การเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เหมาะสมตั้งแต่เริ่มต้น จะช่วยลดภาระการใช้พลังงานของเครื่องปรับอากาศในระยะยาว และสร้างสภาพแวดล้อมภายในบ้านที่เย็นสบาย น่าอยู่ แม้ในวันที่อากาศภายนอกจะร้อนจัดก็ตาม

2. การติดตั้งม่านกันแสง
แสงแดดที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างและประตูโดยตรง ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้บ้านร้อนอบอ้าว การติดตั้งม่านกันแสงจึงเป็นวิธีที่ง่ายและเห็นผลได้ชัดเจนในการลดปริมาณความร้อนที่เข้ามาภายในบ้าน แถมยังช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวและสร้างบรรยากาศที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น
-
เลือกประเภทของม่านให้เหมาะสม
ม่านกันแสงมีให้เลือกหลากหลายชนิด แต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติในการป้องกันแสงและความร้อนที่แตกต่างกันไป
-
ม่านทึบแสง (Blackout Curtains)
เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการป้องกันแสงแดดและความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื้อผ้าหนาแน่นช่วยกันแสงได้เกือบ 100% เหมาะสำหรับห้องนอนหรือห้องที่ต้องการความมืดสนิท
-
ม่านดิมเอาท์ (Dimout Curtains)
สามารถกรองแสงได้ประมาณ 80-95% ช่วยลดความร้อนและแสงจ้าได้ดี แต่ยังคงมีแสงสว่างลอดผ่านเข้ามาได้บ้าง
-
ม่านปรับแสง (Venetian Blinds/Roller Blinds)
สามารถปรับองศาของแผ่นม่านเพื่อควบคุมปริมาณแสงและความร้อนที่ส่องเข้ามาได้
-
ม่านโปร่ง (Sheer Curtains) ร่วมกับม่านทึบ
ในเวลากลางวัน อาจใช้ม่านโปร่งเพื่อกรองแสงอ่อนๆ และเพิ่มความเป็นส่วนตัว ส่วนในเวลาที่แดดจัดหรือต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ก็สามารถปิดม่านทึบได้
-
พิจารณาวัสดุและสีของม่าน
ม่านที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้าย หรือผ้าลินิน อาจระบายอากาศได้ดีกว่า แต่ประสิทธิภาพในการกันแสงอาจไม่เท่าผ้าใยสังเคราะห์ที่มีการเคลือบสารกัน UV สำหรับสีของม่าน ควรเลือกสีอ่อนหรือสีโทนเย็น เพราะสีเข้มมีแนวโน้มที่จะดูดซับความร้อนมากกว่า
-
ติดตั้งให้เหมาะสม
ควรติดตั้งม่านให้มีความกว้างและความยาวที่เหมาะสม สามารถปิดคลุมหน้าต่างและประตูได้อย่างมิดชิด เพื่อป้องกันไม่ให้แสงแดดเล็ดลอดเข้ามาตามขอบ
-
ดูแลรักษาม่านอย่างสม่ำเสมอ
การทำความสะอาดม่านอย่างสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันฝุ่นละอองสะสม ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพและประสิทธิภาพในการกันแสง
การเลือกและติดตั้งม่านกันแสงอย่างเหมาะสม เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับง่ายๆ ที่จะช่วยให้บ้านของคุณเย็นสบายขึ้นได้ทันที แถมยังเป็นการตกแต่งบ้านที่สวยงามและใช้งานได้จริงอีกด้วย

3. ใช้สีอ่อนในการตกแต่ง
สีสันมีอิทธิพลอย่างมากต่อความรู้สึกและอุณหภูมิภายในบ้าน สีเข้มมีแนวโน้มที่จะดูดซับความร้อนมากกว่าสีอ่อน ดังนั้น การเลือกใช้สีอ่อนในการตกแต่งจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ชาญฉลาดในการช่วยให้บ้านเย็นสบายและดูกว้างขวางขึ้น
-
ผนังและเพดานสีอ่อน
การทาสีผนังและเพดานด้วยสีขาว สีครีม สีฟ้าอ่อน สีเขียวอ่อน หรือสีเทาอ่อน จะช่วยสะท้อนแสงธรรมชาติได้ดี ทำให้ภายในบ้านดูสว่างและลดความรู้สึกอบอ้าว นอกจากนี้ สีอ่อนยังช่วยให้ห้องดูกว้างขวางและสบายตามากยิ่งขึ้น
-
เฟอร์นิเจอร์โทนสีสว่าง
การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีโทนสีอ่อน เช่น สีขาว สีเบจ สีเทาอ่อน หรือสีพาสเทล จะช่วยเสริมให้บรรยากาศในบ้านดูโปร่งสบายและไม่ทึบตัน เฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อนก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ
-
ผ้าม่านและเครื่องนอนสีอ่อน
เช่นเดียวกับผนัง การเลือกใช้ผ้าม่านและเครื่องนอนที่มีสีอ่อนจะช่วยลดการดูดซับความร้อนและทำให้ห้องนอนดูผ่อนคลาย เย็นสบาย เหมาะแก่การพักผ่อน
-
ของตกแต่งโทนสีสว่าง
การเพิ่มของตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ ที่มีสีอ่อน เช่น หมอนอิง แจกันดอกไม้ หรือภาพวาด ก็สามารถช่วยเสริมให้บรรยากาศโดยรวมของบ้านดูสดใสและเย็นสบายขึ้นได้
-
พื้นสีอ่อน
หากคุณกำลังวางแผนที่จะปูพื้นใหม่ การเลือกใช้พื้นสีอ่อน เช่น สีขาว สีเทาอ่อน หรือสีไม้ธรรมชาติ จะช่วยให้บ้านดูสว่างและลดความรู้สึกร้อนได้เช่นกัน
การเปลี่ยนมาใช้สีอ่อนในการตกแต่งบ้าน ไม่จำเป็นต้องยกเครื่องใหม่ทั้งหมด คุณสามารถเริ่มต้นจากการทาสีผนังใหม่ เปลี่ยนผ้าม่าน หรือเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งโทนสีสว่าง เพียงเท่านี้ก็จะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศภายในบ้านที่ดูเย็นสบายและน่าอยู่ขึ้นอย่างแน่นอน
อ่านบทความที่น่าสนใจ : 5 ไอเดียเลือกสีทาภายในบ้านสวย ๆ สร้างพื้นที่แห่งความสบายใจให้คุณและทุกคนในบ้าน อัปเดต 2025

4. เพิ่มพื้นที่สีเขียว
การนำธรรมชาติเข้ามาใกล้ชิดด้วยการเพิ่มพื้นที่สีเขียวรอบๆ และภายในบ้าน ไม่ได้เป็นเพียงแค่การตกแต่งที่สวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในการช่วยลดอุณหภูมิและสร้างบรรยากาศที่เย็นสบายได้อย่างน่าอัศจรรย์
-
ปลูกต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา
การปลูกต้นไม้ใหญ่รอบบ้าน โดยเฉพาะทางทิศที่แสงแดดส่องถึงโดยตรง จะช่วยบดบังแสงแดดและลดความร้อนที่กระทบเข้าสู่ตัวบ้านโดยตรง นอกจากนี้ ต้นไม้ยังช่วยคายความชื้นสู่อากาศ ทำให้บริเวณรอบบ้านเย็นลง
-
จัดสวนแนวตั้ง
สำหรับบ้านที่มีพื้นที่จำกัด การจัดสวนแนวตั้งเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ คุณสามารถปลูกไม้เลื้อย ไม้แขวน หรือทำระแนงสำหรับวางกระถางต้นไม้ เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวบนผนัง ช่วยลดความร้อนที่สะสมในผนังได้
-
ปลูกไม้กระถางภายในบ้าน
การนำไม้กระถางเข้ามาตกแต่งภายในบ้าน นอกจากจะช่วยเพิ่มความสดชื่นแล้ว พืชบางชนิดยังมีคุณสมบัติในการช่วยดูดซับสารพิษและเพิ่มความชื้นในอากาศ ทำให้ภายในบ้านเย็นสบายและอากาศบริสุทธิ์ขึ้น เช่น ต้นลิ้นมังกร ต้นพลูด่าง หรือว่านหางจระเข้
-
สร้างสวนบนดาดฟ้า (Roof Garden)
หากบ้านของคุณมีดาดฟ้า การเปลี่ยนให้เป็นสวนสีเขียวไม่เพียงแต่จะช่วยลดความร้อนที่ถ่ายเทลงสู่ตัวบ้านชั้นล่างเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจที่สวยงามอีกด้วย
-
ดูแลต้นไม้ให้ดี
การรดน้ำและดูแลต้นไม้อย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ต้นไม้เจริญเติบโตและทำหน้าที่ในการลดความร้อนและเพิ่มความชื้นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
การเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับบ้านของคุณ เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะนอกจากจะช่วยให้บ้านเย็นสบายขึ้นแล้ว ยังสร้างสภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลาย สดชื่น และดีต่อสุขภาพกายและใจอีกด้วย

5. การติดตั้งพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ
เมื่อพูดถึงการทำให้บ้านเย็นสบาย การติดตั้งพัดลมและเครื่องปรับอากาศถือเป็นทางเลือกหลักที่หลายคนนึกถึง ด้วยประสิทธิภาพในการหมุนเวียนอากาศและปรับลดอุณหภูมิภายในห้องได้อย่างรวดเร็ว แต่การเลือกใช้อย่างชาญฉลาดจะช่วยให้คุณเย็นสบายได้โดยไม่สิ้นเปลืองพลังงานมากเกินไป
-
พัดลม ทางเลือกประหยัดและช่วยระบายอากาศ
พัดลมมีหลากหลายประเภท ทั้งพัดลมตั้งพื้น พัดลมติดผนัง และพัดลมเพดาน การใช้พัดลมช่วยในการหมุนเวียนอากาศภายในห้อง ทำให้รู้สึกเย็นสบายขึ้นได้โดยไม่ต้องลดอุณหภูมิโดยรวมของห้องมากนัก นอกจากนี้ การเปิดพัดลมควบคู่ไปกับการเปิดหน้าต่าง จะช่วยระบายอากาศร้อนภายในออกไปและนำอากาศเย็นจากภายนอกเข้ามาได้
-
เครื่องปรับอากาศ ผู้ช่วยดับร้อนอย่างรวดเร็ว
เครื่องปรับอากาศเป็นตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงในการลดอุณหภูมิภายในห้องอย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับช่วงเวลาที่อากาศร้อนจัด อย่างไรก็ตาม การใช้งานเครื่องปรับอากาศอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อประหยัดพลังงานและรักษาสุขภาพ
-
เลือกขนาด BTU ให้เหมาะสมกับขนาดห้อง
การเลือกเครื่องปรับอากาศที่มี BTU ต่ำเกินไปจะไม่สามารถทำความเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ BTU สูงเกินไปจะสิ้นเปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ
-
ตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสม
การตั้งอุณหภูมิที่เย็นจนเกินไปไม่เพียงแต่จะสิ้นเปลืองพลังงาน แต่ยังอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ ควรตั้งอุณหภูมิที่ประมาณ 25-27 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นระดับที่สบายและประหยัดพลังงาน
-
บำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอ
การล้างแผ่นกรองอากาศและตรวจเช็คระบบอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน
-
ใช้ควบคู่กับพัดลม
การเปิดพัดลมช่วยหมุนเวียนอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ทำให้รู้สึกเย็นสบายทั่วทั้งห้องโดยไม่ต้องลดอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศลงมาก
-
-
พัดลมไอเย็น อีกทางเลือกที่น่าสนใจ
พัดลมไอเย็นทำงานโดยการดึงอากาศร้อนผ่านแผ่นทำความเย็นที่มีน้ำหล่อเลี้ยง ทำให้ได้ลมที่เย็นและมีความชื้น เหมาะสำหรับพื้นที่เปิดโล่ง หรือบริเวณที่อากาศแห้ง
การเลือกใช้พัดลมหรือเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมกับสภาพอากาศและขนาดของห้อง ควบคู่ไปกับการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้บ้านของคุณเย็นสบายคลายร้อนได้อย่างแน่นอน
อ่านบทความที่น่าสนใจ : แอร์บ้านไม่เย็น เกิดจากสาเหตุอะไร พร้อมทริคแก้ไขด้วยตัวเองเบื้องต้นแบบง่าย ๆ

6. ติดตั้งหลังคาเขียวหรือกันความร้อน
หลังคาเป็นส่วนที่สัมผัสกับแสงแดดโดยตรงมากที่สุด การติดตั้งหลังคาเขียวหรือวัสดุกันความร้อนบนหลังคาจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงในการลดความร้อนที่ถ่ายเทเข้าสู่ภายในบ้าน ช่วยให้บ้านเย็นสบายและประหยัดพลังงานในระยะยาว
-
หลังคาเขียว (Green Roof) ความเย็นจากธรรมชาติบนหลังคา
การเปลี่ยนหลังคาธรรมดาให้กลายเป็นพื้นที่สีเขียว ไม่เพียงแต่จะช่วยลดอุณหภูมิบนหลังคาได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังช่วยดูดซับน้ำฝน ลดภาระของระบบระบายน้ำ เพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมือง และสร้างทัศนียภาพที่สวยงามอีกด้วย
-
ชั้นดินและพืชพรรณ
ชั้นดินและพืชพรรณบนหลังคาจะช่วยเป็นฉนวนธรรมชาติ ป้องกันความร้อนจากแสงแดดไม่ให้เข้าสู่ตัวบ้าน
-
การคายความชื้น
พืชจะคายความชื้นออกมา ทำให้อากาศบริเวณหลังคาเย็นลง
-
อายุการใช้งานของหลังคา
หลังคาเขียวยังช่วยปกป้องวัสดุมุงหลังคาจากรังสี UV และการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ทำให้หลังคามีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น
-
-
วัสดุกันความร้อนสำหรับหลังคา
สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกในการทำหลังคาเขียว การเลือกใช้วัสดุกันความร้อนสำหรับหลังคาก็เป็นอีกทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ
-
ฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา
การติดตั้งฉนวนกันความร้อน เช่น ใยแก้ว โฟม หรือแผ่น PE ใต้หลังคา จะช่วยป้องกันไม่ให้ความร้อนจากหลังคาถ่ายเทลงสู่ภายในบ้าน
-
แผ่นสะท้อนความร้อน
การติดตั้งแผ่นสะท้อนความร้อนบนหลังคาหรือใต้แผ่นมุงหลังคา จะช่วยสะท้อนรังสีความร้อนจากแสงแดดออกไป
-
สีทาหลังคากันความร้อน
การเลือกใช้สีทาหลังคาที่มีคุณสมบัติในการสะท้อนความร้อนจะช่วยลดอุณหภูมิของแผ่นหลังคาได้
-
-
การออกแบบหลังคาให้มีช่องระบายอากาศ
การออกแบบหลังคาให้มีช่องระบายอากาศที่เหมาะสม จะช่วยระบายความร้อนที่สะสมอยู่ใต้หลังคาออกไป ทำให้บ้านเย็นสบายขึ้น
การลงทุนกับการติดตั้งหลังคาเขียวหรือวัสดุกันความร้อน อาจมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่สูงกว่า แต่ในระยะยาว จะช่วยลดค่าไฟฟ้าจากการใช้เครื่องปรับอากาศ และสร้างสภาพแวดล้อมภายในบ้านที่เย็นสบายอย่างยั่งยืน

7. เปิดช่องระบายอากาศ
การระบายอากาศที่ดีคือหัวใจสำคัญของการทำให้บ้านเย็นสบายอย่างเป็นธรรมชาติ การเปิดช่องระบายอากาศอย่างถูกวิธีจะช่วยให้อากาศร้อนที่สะสมอยู่ภายในบ้านไหลเวียนออกไป และนำอากาศเย็นจากภายนอกเข้ามาแทนที่ ทำให้บ้านไม่อับชื้นและเย็นสบายยิ่งขึ้น
-
เปิดหน้าต่างและประตูให้สัมพันธ์กัน
การเปิดหน้าต่างและประตูที่อยู่ตรงข้ามกัน หรือในแนวที่ลมพัดผ่าน จะช่วยสร้างกระแสลมไหลเวียนภายในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ อากาศร้อนจะถูกดันออกไป และอากาศเย็นจะเข้ามาแทนที่
-
ใช้ประโยชน์จากลมธรรมชาติ
สังเกตทิศทางลมที่พัดผ่านบ้านของคุณ และเปิดช่องทางลมในทิศทางนั้น เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก หากมีลมพัดอ่อนๆ การเปิดหน้าต่างหลายบานพร้อมกันก็จะช่วยให้อากาศไหลเวียนได้ดีขึ้น
-
เปิดช่องระบายอากาศบริเวณที่สูง
อากาศร้อนมักจะลอยตัวสูงขึ้น การมีช่องระบายอากาศบริเวณใกล้เพดาน เช่น หน้าต่างบานกระทุ้ง หรือช่องระบายอากาศเล็กๆ จะช่วยให้ความร้อนที่สะสมอยู่ด้านบนระบายออกไปได้
-
ใช้พัดลมช่วยในการระบายอากาศ
หากลมธรรมชาติไม่แรงพอ การใช้พัดลมดูดอากาศติดตั้งบริเวณหน้าต่างหรือผนังที่อยู่ตรงข้ามกับช่องลมเข้า จะช่วยเร่งการระบายอากาศร้อนออกจากบ้านได้อย่างรวดเร็ว
-
ระบายอากาศในช่วงเวลาที่เหมาะสม
ควรเปิดช่องระบายอากาศในช่วงเช้าตรู่หรือช่วงเย็นที่อุณหภูมิภายนอกยังไม่สูงมากนัก เพื่อนำอากาศเย็นเข้ามาภายในบ้าน และปิดในช่วงกลางวันที่อากาศร้อนจัดเพื่อป้องกันไม่ให้ความร้อนเข้ามา
การเปิดช่องระบายอากาศเป็นวิธีที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายและช่วยให้บ้านเย็นสบายได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพียงแค่ใส่ใจและเปิดช่องทางลมอย่างถูกวิธี ก็จะช่วยลดความร้อนสะสมและทำให้อากาศภายในบ้านถ่ายเทได้ดีขึ้น

8. เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ช่วยให้บ้านเย็น
นอกจากโครงสร้างและองค์ประกอบภายนอกแล้ว การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะสมก็มีส่วนสำคัญในการสร้างบรรยากาศที่เย็นสบายและถ่ายเทอากาศได้ดีภายในบ้าน วัสดุและดีไซน์ของเฟอร์นิเจอร์สามารถส่งผลต่อการกักเก็บความร้อนและความอับชื้นได้
-
เฟอร์นิเจอร์โปร่งและมีช่องว่าง
การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์โปร่ง โล่ง มีช่องว่าง จะช่วยให้อากาศไหลเวียนได้สะดวก ลดการสะสมความร้อนและความอับชื้น เฟอร์นิเจอร์หวาย เฟอร์นิเจอร์ไม้ที่มีขาโปร่ง หรือชั้นวางของแบบเปิดโล่ง เป็นตัวเลือกที่ดี
-
วัสดุธรรมชาติและระบายอากาศได้ดี
เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน หรือหวาย วัสดุเหล่านี้ระบายอากาศได้ดี ไม่กักเก็บความร้อน และให้สัมผัสที่สบาย ไม่เหนียวเหนอะหนะ
-
หลีกเลี่ยงเฟอร์นิเจอร์หนังหรือผ้ากำมะหยี่
เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากหนังหรือผ้ากำมะหยี่มีแนวโน้มที่จะดูดซับความร้อนและระบายอากาศได้ไม่ดี ทำให้รู้สึกร้อนและอับชื้นเมื่อสัมผัส
-
ใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น
การมีเฟอร์นิเจอร์มากเกินไปจะทำให้บ้านดูทึบตัน อากาศถ่ายเทไม่สะดวก และอาจกักเก็บความร้อนไว้มากขึ้น ลองเลือกเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นและจัดวางให้มีพื้นที่ว่างเพียงพอ
-
เบาะรองนั่งและปลอกหมอนที่ทำจากวัสดุเย็นสบาย
หากจำเป็นต้องใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีเบาะรองนั่ง ควรเลือกวัสดุที่ระบายอากาศได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย หรือผ้าที่มีคุณสมบัติเย็นสบาย และหลีกเลี่ยงวัสดุสังเคราะห์ที่อาจทำให้รู้สึกร้อน
การใส่ใจในการเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อน จะช่วยให้บ้านของคุณเย็นสบายขึ้นได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศมากนัก แถมยังสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและน่าอยู่มากยิ่งขึ้นอีกด้วย

9. การใช้โคมไฟ LED
แสงสว่างเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบ้านทุกหลัง แต่หลอดไฟแบบเดิมๆ มักจะปล่อยความร้อนออกมาด้วย ซึ่งอาจทำให้ภายในบ้านร้อนขึ้นโดยไม่รู้ตัว การเปลี่ยนมาใช้โคมไฟ LED จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ชาญฉลาดในการให้แสงสว่างที่เพียงพอ ควบคู่ไปกับการลดความร้อนสะสมและประหยัดพลังงาน
-
LED ปล่อยความร้อนน้อย
หลอดไฟ LED มีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นแสงสว่างสูงกว่าหลอดไฟแบบเดิมมาก ทำให้ปล่อยความร้อนออกมาน้อยมาก เมื่อเทียบกับหลอดไส้หรือหลอดฟลูออเรสเซนต์ การเปลี่ยนมาใช้หลอด LED ในทุกจุดของบ้านจะช่วยลดความร้อนโดยรวมภายในบ้านได้อย่างเห็นได้ชัด
-
ประหยัดพลังงาน
นอกจากจะปล่อยความร้อนน้อยแล้ว หลอดไฟ LED ยังใช้พลังงานน้อยกว่าหลอดไฟแบบเดิมอย่างมาก ซึ่งจะช่วยลดค่าไฟฟ้าในระยะยาว ถือเป็นการช่วยทั้งให้บ้านเย็นขึ้นและประหยัดค่าใช้จ่ายไปพร้อมๆ กัน
-
อายุการใช้งานยาวนาน
หลอดไฟ LED มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าหลอดไฟแบบเดิมหลายเท่า ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนหลอดไฟบ่อยๆ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความสะดวกสบายและช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์
-
มีแสงให้เลือกหลากหลาย
ปัจจุบัน โคมไฟ LED มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบและโทนสีของแสง ตั้งแต่แสงสีขาวนวล (Warm White) ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น ไปจนถึงแสงสีขาว (Cool White/Daylight) ที่ให้ความสว่างสดใส คุณสามารถเลือกโทนสีของแสงให้เหมาะสมกับบรรยากาศและความต้องการของแต่ละห้องได้
-
ดีไซน์หลากหลาย
โคมไฟ LED มีดีไซน์ที่ทันสมัยและหลากหลาย สามารถนำมาใช้ตกแต่งบ้านให้สวยงามและเข้ากับสไตล์ต่างๆ ได้อย่างลงตัว
การเปลี่ยนมาใช้โคมไฟ LED อาจดูเหมือนเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่เมื่อรวมกันทั้งบ้านแล้ว จะสามารถช่วยลดความร้อนสะสมภายในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังประหยัดพลังงานและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน คุ้มค่าทั้งในแง่ของความเย็นสบายและค่าใช้จ่าย

10. ตกแต่งภายในบ้านให้โปร่งโล่ง
การจัดระเบียบและตกแต่งภายในบ้านให้ดูโปร่ง โล่ง สบายตา ไม่เพียงแต่จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อการไหลเวียนของอากาศภายในบ้าน ช่วยลดความอับชื้นและความร้อนสะสมได้อีกด้วย
-
ลดสิ่งของที่ไม่จำเป็น
การมีสิ่งของวางเกะกะมากเกินไปจะทำให้บ้านดูรก อับทึบ และขวางทางลม ลองสำรวจและนำสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกไป จัดเก็บให้เป็นระเบียบ จะช่วยให้บ้านดูกว้างขวางและอากาศถ่ายเทได้ดีขึ้น
-
ใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น
เลือกเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นและมีขนาดเหมาะสมกับพื้นที่ หลีกเลี่ยงเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่และทึบตันที่อาจขวางการไหลเวียนของอากาศ เฟอร์นิเจอร์แบบมัลติฟังก์ชันที่สามารถพับเก็บได้เมื่อไม่ใช้งานก็เป็นทางเลือกที่ดี
-
จัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้มีช่องว่าง
เว้นระยะห่างระหว่างเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้น เพื่อให้มีพื้นที่ให้อากาศไหลเวียนได้อย่างสะดวก การชิดผนังมากเกินไปอาจทำให้เกิดการสะสมความร้อนได้
-
ใช้ของตกแต่งที่โปร่งเบา
เลือกของตกแต่งที่มีดีไซน์โปร่ง เช่น แจกันแก้ว กรอบรูปอะคริลิก หรือของตกแต่งจากวัสดุธรรมชาติที่มีรูพรุน หลีกเลี่ยงของตกแต่งขนาดใหญ่และทึบตัน
-
กระจกช่วยเพิ่มความโปร่งและสะท้อนแสง
การติดตั้งกระจกเงาในบริเวณที่เหมาะสมจะช่วยให้ห้องดูกว้างขวางขึ้น และยังช่วยสะท้อนแสงธรรมชาติ ทำให้ห้องสว่างและลดความรู้สึกอึดอัด
-
ผ้าม่านโปร่งและบาง
ในช่วงกลางวัน หากต้องการแสงธรรมชาติแต่ไม่อยากให้บ้านร้อนอบอ้าว การเลือกใช้ผ้าม่านโปร่งและบางจะช่วยกรองแสงได้ในระดับหนึ่ง และยังช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดีกว่าผ้าม่านหนาทึบ
การปรับเปลี่ยนการตกแต่งภายในบ้านให้โปร่งโล่ง อาจต้องใช้เวลาและความใส่ใจในการจัดระเบียบ แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือบ้านที่เย็นสบาย น่าอยู่ และรู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
อ่านบทความที่น่าสนใจ : เทคนิคแต่งบ้านให้ดูโปร่ง กว้างขวาง และหรูหรามีสไตล์

ออกแบบบ้านให้เย็นสบายทุกฤดู กับ One Nine One Discreet Luxury Interior Design สวย ฟังก์ชันครบ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
เปลี่ยนทุกมุมบ้านให้เย็นสบายและน่าอยู่ตลอดปี กับบริการออกแบบตกแต่งภายในจาก One Nine One Discreet Luxury Interior Design ผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจทั้งความงามและฟังก์ชันการดีไซน์บ้านอย่างแท้จริง
เราออกแบบบ้านให้ตอบโจทย์ทุกฤดูของเมืองไทย ทั้งการระบายอากาศ เปิดรับแสงธรรมชาติ และการเลือกใช้วัสดุที่เหมาะกับสภาพอากาศ พร้อมเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินที่ดีไซน์พิเศษเฉพาะคุณ บริการครบจบในที่เดียว ทั้งงานออกแบบ ตกแต่ง และติดตั้ง ให้ลูกค้าทุกท่านได้บ้านที่สวยตรงใจ อยู่สบายได้ทุกวัน
ชมผลงานการออกแบบตกแต่งภายในจาก One Nine One Discreet Luxury Interior Design
หรือสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อเรา