แชร์ 25 ไอเดียออกแบบห้องรับประทานอาหาร สวยได้ หลากสไตล์
ในการออกแบบตกแต่งภายในห้องกินข้าวนั้น สามารถแบ่งการตกแต่งออกได้เป็น 3 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่ กลุ่มสไตล์คลาสสิกยอดนิยม กลุ่มเน้นฟังก์ชันการใช้งาน และกลุ่มสไตล์ที่ต้องการเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร โดยแต่ละกลุ่มนั้นมีสไตล์ที่แตกต่างกันไป ตามรายละเอียดดังนี้
สไตล์ยอดนิยมและคลาสสิก
สไตล์ยอดนิยมและคลาสสิก จะเป็นสไตล์ที่หลาย ๆ คนนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ เมื่อทำการตกแต่งภายในบ้าน โดยจะมีทั้งหมด 7 สไตล์ ได้แก่
1. สไตล์ Modern Luxury
การออกแบบตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Modern Luxury คือการผสมผสานความสง่างามเหนือกาลเวลาเข้ากับความทันสมัยที่เรียบง่าย โดยเน้นการสร้างบรรยากาศที่หรูหรา โออ่า แต่ยังคงความอบอุ่นและเชื้อเชิญให้กับการใช้งานจริง
เป็นการดึงจุดเด่นของสไตล์ Modern ที่เน้นเส้นสายสะอาดตา ฟังก์ชันการใช้งาน และความมินิมอล มาผสานกับความโอ่อ่าของสไตล์ Luxury ที่เน้นวัสดุคุณภาพสูง รายละเอียดประณีต และความประณีตบรรจง ทำให้ห้องกินข้าวเป็นมากกว่าแค่พื้นที่รับประทานอาหาร แต่เป็นศูนย์กลางของการพบปะสังสรรค์ที่สะท้อนรสนิยมอันโดดเด่นของเจ้าของ
ลักษณะเฉพาะของการตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Modern Luxury
- วัสดุคุณภาพสูง: เลือกใช้วัสดุธรรมชาติและวัสดุสังเคราะห์เกรดพรีเมียม เช่น ไม้เนื้อแข็ง หินอ่อน หินแกรนิต โลหะขัดเงา (ทองเหลือง ทองแดง สเตนเลส) หนังแท้ ผ้ากำมะหยี่ หรือกระจก เพื่อเพิ่มความรู้สึกหรูหราและคงทน
- โทนสีสุขุมและหรูหรา: นิยมใช้โทนสีกลางที่ให้ความรู้สึกสงบและคลาสสิก เช่น สีเทา ครีม เบจ ขาว ดำ หรือน้ำตาลเข้ม และอาจเพิ่มความโดดเด่นด้วยการใช้สีเมทัลลิก เช่น สีทองหรือสีบรอนซ์ ในรายละเอียดเล็ก ๆ
- เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์เรียบหรู: เฟอร์นิเจอร์จะมีเส้นสายที่สะอาดตา ไม่ซับซ้อน แต่มีดีไซน์ที่ประณีตและฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน มักเลือกโต๊ะกินข้าวที่มีขนาดใหญ่พอเหมาะ เก้าอี้ที่นั่งสบาย และอาจมีตู้โชว์หรือ Sideboard ที่ออกแบบเข้ากัน
- แสงไฟที่สร้างบรรยากาศ: การจัดแสงไฟเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง มักใช้โคมไฟระย้าดีไซน์โดดเด่นเหนือโต๊ะอาหาร และเสริมด้วยไฟส่องสว่างแบบซ่อน หรือไฟเฉพาะจุด เพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น นุ่มนวล และน่าสนใจ
- การประดับตกแต่งที่น้อยแต่มาก: เน้นการประดับตกแต่งที่คัดสรรมาอย่างดี ไม่เยอะเกินไป แต่มีความหมายและสามารถดึงดูดสายตาได้ เช่น แจกันดอกไม้ขนาดใหญ่ ภาพศิลปะนามธรรม หรือกระจกเงาบานใหญ่ เพื่อเพิ่มความโอ่อ่าและทำให้ห้องดูกว้างขึ้น
อ่านบทความที่น่าสนใจ: แนะนำ 10 แบบห้องครัวสวย ๆ สไตล์โมเดิร์น ทันสมัย หรูหรา ตอบโจทย์การใช้งาน
2. สไตล์ Minimal
การออกแบบตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Minimal คือการเน้นความเรียบง่าย สะอาดตา และฟังก์ชันการใช้งานเป็นหลัก โดยได้รับอิทธิพลจากแนวคิด “น้อยแต่มาก” (Less is More) มุ่งลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อสร้างพื้นที่ที่โล่ง โปร่งสบาย และส่งเสริมความสงบภายใน เป็นการออกแบบที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ต้องการความผ่อนคลายจากความวุ่นวายภายนอก ทำให้ห้องกินข้าวเป็นพื้นที่ที่เงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนและรับประทานอาหารอย่างสบายใจ
ลักษณะเฉพาะของการตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Minimal
- ความเรียบง่ายและเส้นสายที่สะอาดตา: เฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งมีดีไซน์ที่ตรงไปตรงมา ไม่มีลวดลายซับซ้อน เน้นเส้นสายเรขาคณิตที่ชัดเจนและสะอาดตา ทำให้ห้องดูเป็นระเบียบและกว้างขวาง
- โทนสีกลางและสีโมโนโครม: มักใช้โทนสีที่เรียบง่ายและสงบ เช่น สีขาว เทา เบจ ดำ หรือสีของไม้ธรรมชาติ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและไม่รบกวนสายตา อาจมีการเพิ่มสีสันเล็กน้อยเพื่อสร้างจุดเด่น แต่จะไม่เน้นสีฉูดฉาด
- ฟังก์ชันการใช้งานเป็นหลัก: ทุกชิ้นส่วนของเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งจะต้องมีวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่ชัดเจน ไม่มีของตกแต่งที่ไม่มีประโยชน์หรือเพียงเพื่อความสวยงามเท่านั้น เน้นความสะดวกสบายและประโยชน์ใช้สอย
- การเลือกใช้วัสดุธรรมชาติและวัสดุเรียบง่าย: นิยมใช้วัสดุที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ เช่น ไม้เนื้ออ่อน คอนกรีต กระจก หรือโลหะที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งมากนัก เพื่อคงความเรียบง่ายและแสดงถึงเนื้อแท้ของวัสดุ
- พื้นที่เปิดโล่งและแสงธรรมชาติ: การออกแบบจะพยายามให้มีพื้นที่ว่างมากที่สุด เพื่อให้ห้องดูโปร่งและไม่อึดอัด การใช้แสงธรรมชาติให้เข้ามาในห้องได้มากที่สุดเป็นสิ่งสำคัญ อาจใช้หน้าต่างบานใหญ่ หรือไม่มีผ้าม่านเพื่อเปิดรับแสงเต็มที่
อ่านบทความที่น่าสนใจ: รู้จักสไตล์ Modern Minimal เทรนด์ตกแต่งภายในบ้านที่มาแรง สวยงาม เรียบง่าย และทันสมัย
3. สไตล์ Scandinavian
การออกแบบตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Scandinavian คือการสร้างสรรค์พื้นที่ที่เน้นความเรียบง่าย ฟังก์ชันการใช้งาน และการเชื่อมโยงกับธรรมชาติ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากวิถีชีวิตและสภาพภูมิอากาศของประเทศแถบสแกนดิเนเวียที่มีช่วงเวลากลางวันสั้นและมืดมิดยาวนาน สไตล์นี้จึงมุ่งเน้นการใช้แสงธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด วัสดุจากธรรมชาติ และการสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น “Hygge” ซึ่งเป็นแนวคิดของชาวเดนมาร์กที่สื่อถึงความสุขสบายและความผ่อนคลาย ทำให้ห้องกินข้าวเป็นพื้นที่ที่เชื้อเชิญให้มาใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุขและเป็นกันเอง
ลักษณะเฉพาะของการตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Scandinavian
- แสงธรรมชาติสูงสุด: เน้นการใช้หน้าต่างบานใหญ่ ผ้าม่านบางเบา หรือไม่มีผ้าม่านเลย เพื่อให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาในห้องได้อย่างเต็มที่ ช่วยให้ห้องดูโปร่ง โล่ง และสว่างสดใส
- โทนสีสว่างและเป็นกลาง: นิยมใช้สีขาว เทาอ่อน หรือสีเบจเป็นสีหลักบนผนังและเฟอร์นิเจอร์ เพื่อสะท้อนแสงและทำให้ห้องดูกว้างขึ้น อาจมีการเพิ่มสีพาสเทลอ่อนๆ หรือสีจากธรรมชาติเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความอบอุ่น
- วัสดุธรรมชาติเป็นหัวใจ: เน้นการใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ไม้เนื้ออ่อนสีอ่อน (เช่น ไม้สน ไม้เบิร์ช ไม้โอ๊ค) เป็นหลักสำหรับเฟอร์นิเจอร์ พื้น หรือของตกแต่ง นอกจากนี้ยังรวมถึงผ้าฝ้าย ผ้าลินิน ขนสัตว์ และเครื่องปั้นดินเผา เพื่อสร้างความรู้สึกอบอุ่นและเชื่อมโยงกับธรรมชาติ
- เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์เรียบง่ายและใช้งานได้จริง: เฟอร์นิเจอร์มีเส้นสายที่สะอาดตา ไม่ซับซ้อน เน้นฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวัน มักเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่มีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย และออกแบบมาให้ทนทานต่อการใช้งาน
- ความอบอุ่นและบรรยากาศ “Hygge”: ถึงแม้จะเน้นความเรียบง่าย แต่สไตล์ Scandinavian ก็ไม่ได้ดูเย็นชา มีการเพิ่มความอบอุ่นผ่านการใช้สิ่งทอที่มีผิวสัมผัส เช่น พรมขนสัตว์นุ่มๆ หมอนอิง ผ้าห่ม หรือเทียนไข เพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย อบอุ่น และน่าอยู่
4. สไตล์ Industrial
การออกแบบตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Industrial คือการนำเอาองค์ประกอบและกลิ่นอายของโรงงานอุตสาหกรรมในอดีตมาประยุกต์ใช้ในการตกแต่งบ้าน เน้นการเผยให้เห็นโครงสร้างอาคารและวัสดุที่แท้จริง ไม่มีการปรุงแต่งหรือปกปิดมากนัก ทำให้เกิดความรู้สึกดิบ เท่ ดุดัน แต่ก็ยังคงความอบอุ่นและมีเสน่ห์เฉพาะตัว สไตล์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความไม่สมบูรณ์แบบ ชอบการผสมผสานระหว่างความเก่าและใหม่ และต้องการสร้างพื้นที่ที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์และการใช้งานจริง ทำให้ห้องกินข้าวเป็นพื้นที่ที่มีเอกลักษณ์และน่าสนใจ
ลักษณะเฉพาะของการตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Industrial
- การเปิดเผยโครงสร้างและพื้นผิวเดิม: เน้นการเผยให้เห็นโครงสร้างอาคาร เช่น ผนังอิฐเปลือย ปูนเปลือยขัดมัน ท่อเหล็ก สายไฟ หรือคานไม้ โดยไม่จำเป็นต้องปกปิดด้วยการทาสีหรือฉาบปูน เพื่อสร้างความรู้สึกดิบและจริงใจ
- วัสดุหลักจากโรงงาน: ใช้วัสดุที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเป็นหลัก เช่น เหล็ก โลหะ ไม้เนื้อแข็ง คอนกรีต และอิฐดิบ ซึ่งมักจะอยู่ในสภาพที่ไม่ได้ผ่านการขัดเงาหรือตกแต่งมากนัก เพื่อคงความรู้สึกดิบและแข็งแรงทนทาน
- โทนสีเข้มและทึม: นิยมใช้โทนสีที่สื่อถึงความดิบและความแข็งแกร่ง เช่น สีดำ เทา น้ำตาลเข้ม หรือสีของสนิมเหล็ก อาจมีการตัดด้วยสีขาวหรือครีมเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความสว่าง แต่โดยรวมแล้วจะเน้นโทนสีที่ให้ความรู้สึกหนักแน่น
- เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์แข็งแรงและเน้นฟังก์ชัน: เฟอร์นิเจอร์มักทำจากวัสดุเหล็ก ไม้เนื้อแข็ง หรือหนัง ให้ความรู้สึกทนทาน มีดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่แข็งแรง เน้นฟังก์ชันการใช้งานเป็นหลัก อาจเป็นเฟอร์นิเจอร์มือสองหรือเฟอร์นิเจอร์ที่ดูเหมือนผ่านการใช้งานมาแล้ว
- ของตกแต่งที่สื่อถึงอุตสาหกรรม: ของตกแต่งมักเป็นอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนที่เคยใช้งานในโรงงาน เช่น โคมไฟเพดานทรงโรงงาน เก้าอี้เหล็ก ตู้เก็บของแบบลิ้นชักเหล็ก หรือของตกแต่งที่ทำจากท่อประปา เพื่อสร้างบรรยากาศและกลิ่นอายของโรงงานอุตสาหกรรมอย่างชัดเจน
5. สไตล์ Classic
การออกแบบตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Classic คือการนำความสง่างามและความหรูหราของยุคเก่ามาผสมผสานกับการใช้งานในยุคปัจจุบัน เน้นความประณีต วิจิตรบรรจง และความสมมาตร เพื่อสร้างบรรยากาศที่โอ่อ่า หรูหรา และเหนือกาลเวลา สไตล์นี้ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะและสถาปัตยกรรมคลาสสิกของยุโรป ซึ่งมักสะท้อนผ่านรายละเอียดของงานไม้ เฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งที่คัดสรรมาอย่างดี ทำให้ห้องกินข้าวเป็นพื้นที่ที่บ่งบอกถึงรสนิยมและความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมได้อย่างลงตัว
ลักษณะเฉพาะของการตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Classic
- ความสมมาตรและความสมดุล: การจัดวางเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งจะเน้นความสมมาตร เช่น การวางเก้าอี้จำนวนเท่ากันสองข้างของโต๊ะ หรือการใช้ของตกแต่งคู่กันสองชิ้น เพื่อสร้างความรู้สึกสงบ เป็นระเบียบ และสมดุล
- เฟอร์นิเจอร์ไม้แกะสลักและหรูหรา: โต๊ะและเก้าอี้มักทำจากไม้เนื้อแข็งคุณภาพสูง มีการแกะสลักลวดลายที่อ่อนช้อยงดงาม หรือมีการตกแต่งด้วยผ้าบุที่มีลวดลายคลาสสิก เช่น ลายดอกไม้ ลาย Damask หรือลายทาง
- โทนสีอบอุ่นและหรูหรา: นิยมใช้โทนสีที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและโอ่อ่า เช่น สีทอง สีครีม สีเบจ สีน้ำตาลเข้ม หรือสีเขียวเข้ม นอกจากนี้ยังมีการใช้สีขาวและสีงาช้างเพื่อเพิ่มความสว่างและความบริสุทธิ์
- รายละเอียดประณีตและของตกแต่งวิจิตร: ของตกแต่งมักจะมีรายละเอียดที่ซับซ้อนและประณีต เช่น โคมไฟระย้าคริสตัล กระจกกรอบทองขนาดใหญ่ ภาพวาดสีน้ำมัน แจกันกระเบื้องเคลือบ หรือเชิงเทียนโลหะขัดเงา
- การใช้ผ้าและสิ่งทอที่มีคุณภาพ: มักเลือกใช้ผ้าม่านเนื้อหนา มีลวดลายคลาสสิก หรือผ้าไหม ผ้าซาติน และผ้ากำมะหยี่ สำหรับการบุเฟอร์นิเจอร์หรือหมอนอิง เพื่อเพิ่มความหรูหราและความนุ่มนวลให้กับห้อง
6. สไตล์ Contemporary
การออกแบบตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Contemporary คือการสะท้อนถึงเทรนด์และแนวคิดการออกแบบที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งแตกต่างจากสไตล์ Modern ที่มีกฎเกณฑ์ที่ตายตัวกว่า สไตล์ Contemporary มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับเปลี่ยนและผสมผสานได้หลากหลาย แต่ยังคงเน้นความเรียบง่าย ฟังก์ชันการใช้งาน และความสะอาดตา เป็นการสร้างสรรค์พื้นที่ที่ทันสมัย สดใหม่ และตอบรับกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ห้องกินข้าวเป็นพื้นที่ที่ดูทันสมัย มีชีวิตชีวา และสามารถปรับให้เข้ากับรสนิยมที่หลากหลายได้
ลักษณะเฉพาะของการตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Contemporary
- ความยืดหยุ่นและผสมผสาน: ไม่มีกฎเกณฑ์ที่ตายตัว สามารถผสมผสานองค์ประกอบจากสไตล์อื่น ๆ ได้อย่างลงตัว เช่น เฟอร์นิเจอร์สไตล์ Mid-Century Modern หรือของตกแต่งที่ได้รับอิทธิพลจาก Minimalist ทำให้เกิดความหลากหลายและไม่จำเจ
- เส้นสายที่สะอาดและเรียบง่าย: เน้นรูปทรงเรขาคณิตที่ชัดเจน เส้นสายตรงหรือโค้งที่ลื่นไหล ไม่มีลวดลายซับซ้อนหรือการแกะสลักที่วิจิตรบรรจง ทำให้ห้องดูโล่ง โปร่ง และทันสมัย
- โทนสีกลางเป็นหลักและเพิ่มสีสัน: มักใช้โทนสีกลาง เช่น สีขาว เทา ครีม เบจ เป็นพื้นฐาน และมีการเพิ่มสีสันที่โดดเด่นสดใส (Accent Color) ในบางจุด เช่น บนหมอนอิง งานศิลปะ หรือของตกแต่ง เพื่อสร้างจุดสนใจและชีวิตชีวา
- การใช้วัสดุที่หลากหลายและทันสมัย: เลือกใช้วัสดุที่หลากหลายทั้งจากธรรมชาติและสังเคราะห์ เช่น ไม้ โลหะ กระจก คอนกรีต ไปจนถึงพลาสติกหรือวัสดุรีไซเคิล เพื่อสร้างพื้นผิวสัมผัสที่น่าสนใจและสะท้อนความทันสมัย
- การเล่นกับแสงไฟและช่องว่าง: ให้ความสำคัญกับการจัดแสง ทั้งแสงธรรมชาติและแสงประดิษฐ์ เพื่อสร้างบรรยากาศและเพิ่มมิติให้กับห้อง มักใช้โคมไฟดีไซน์โมเดิร์น และมีการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้มีช่องว่างเหลือเฟือ เพื่อให้ห้องดูโปร่งสบายและไม่แออัด
อ่านบทความที่น่าสนใจ: แชร์ไอเดียตกแต่งภายในบ้านด้วยโทนสี “Mocha Mousse” อบอุ่น ทันสมัย
7. สไตล์ Mid-Century Modern
การออกแบบตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Mid-Century Modern คือการย้อนกลับไปสู่ช่วงกลางศตวรรษที่ 20 (ประมาณปี 1940s-1960s) ซึ่งเป็นยุคที่การออกแบบเฟอร์นิเจอร์และสถาปัตยกรรมมีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก สไตล์นี้เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง โดยเน้นการผสมผสานระหว่างฟังก์ชันการใช้งาน ความเรียบง่าย และรูปทรงอินทรีย์ (Organic Forms) ที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ พร้อมกับการใช้วัสดุใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในยุคนั้น ทำให้ห้องกินข้าวดูทันสมัยเหนือกาลเวลา มีกลิ่นอายของความคลาสสิกแต่ไม่เชย และยังคงความอบอุ่นน่าใช้งาน
ลักษณะเฉพาะของการตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Mid-Century Modern
- เส้นสายที่สะอาดตาและรูปทรงออร์แกนิก: เฟอร์นิเจอร์มีเส้นสายที่เรียบง่าย ชัดเจน และบางครั้งก็มีรูปทรงโค้งมนที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ เช่น เก้าอี้ที่มีพนักพิงโค้งรับสรีระ หรือโต๊ะที่มีขอบมน
- การผสมผสานวัสดุที่หลากหลาย: นิยมใช้วัสดุที่แตกต่างกันมารวมกัน เช่น ไม้เนื้อแข็ง (วอลนัท ไม้สัก) ผสมกับโลหะ (โครเมียม ทองเหลือง) แก้ว พลาสติก หรือไฟเบอร์กลาส เพื่อสร้างพื้นผิวสัมผัสและมิติที่น่าสนใจ
- โทนสีที่อบอุ่นและสีสันสดใส: มักใช้โทนสีกลางและอบอุ่น เช่น สีไม้ธรรมชาติ สีเบจ สีเทา เป็นพื้นฐาน และมีการเพิ่มสีสันที่โดดเด่นแต่ไม่ฉูดฉาด เช่น สีเขียวมะกอก เหลืองมัสตาร์ด ส้มอิฐ หรือสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ เพื่อสร้างจุดเด่น
- เฟอร์นิเจอร์อันเป็นสัญลักษณ์: มีเฟอร์นิเจอร์หลายชิ้นที่กลายเป็นไอคอนของสไตล์นี้ เช่น เก้าอี้ Eames Plastic Chair, โต๊ะ Tulip Table ของ Saarinen หรือเก้าอี้ Wishbone ของ Hans J. Wegner ซึ่งเน้นทั้งความสวยงามและฟังก์ชันการใช้งาน
- การเน้นแสงธรรมชาติและการตกแต่งที่เรียบง่าย: ให้ความสำคัญกับแสงธรรมชาติที่เข้ามาในห้อง และการจัดวางของตกแต่งที่ไม่มากเกินไป เน้นความโปร่งโล่งสบายตา และการใช้โคมไฟดีไซน์โดดเด่น เช่น โคมไฟระย้าแบบ Sputnik หรือโคมไฟตั้งพื้นแบบ Arc Lamp เพื่อเพิ่มความทันสมัยและสไตล์
อ่านบทความน่าสนใจเพิ่มเติม: 8 ฮวงจุ้ยจัดโต๊ะกินข้าวและห้องกินข้าว จัดถูกหลัก ปังแน่นอน!
สไตล์ที่เน้นฟังก์ชันและบรรยากาศอบอุ่น
สำหรับสไตล์นี้จะเป็นการออกแบบตกแต่งห้องกินข้าวสวย ๆ ที่นำแนวคิดบ้านสไตล์ยุโรปมาใช้ตกแต่ง ซึ่งเป็นการเน้นฟังก์ชันการใช้งาน เฟอร์นิเจอร์เรียบง่าย และการผสมผสานกับธรรมชาติ โดยแต่ละสไตล์มีรายละเอียดของการออกแบบ ดังนี้
8. สไตล์ Farmhouse Chic
การออกแบบตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Farmhouse Chic คือการผสมผสานเสน่ห์ของบ้านไร่แบบดั้งเดิมเข้ากับความทันสมัยและความหรูหราเล็กน้อย เพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น อบอวลไปด้วยความรู้สึกเป็นกันเอง และชวนให้นึกถึงชีวิตชนบทที่เรียบง่ายแต่มีสไตล์ เป็นการนำเอาองค์ประกอบที่ดูดิบๆ หรือเก่าแก่ มาผสมผสานกับของตกแต่งที่ดูสะอาดตาและทันสมัย ทำให้ห้องกินข้าวเป็นพื้นที่ที่เชื้อเชิญให้ทุกคนมาใช้เวลาร่วมกันอย่างสบายๆ เหมือนได้พักผ่อนในบ้านพักตากอากาศชนบทที่มีรสนิยม
ลักษณะเฉพาะของการตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Farmhouse Chic
- วัสดุธรรมชาติและพื้นผิวที่ดูเก่า: เน้นการใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ไม้เนื้อแข็ง (โดยเฉพาะไม้เก่าหรือไม้ที่ดูเหมือนผ่านการใช้งานมาแล้ว) เหล็ก หรือหิน เพื่อสร้างความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง อาจมีคานไม้เปลือย หรือผนังไม้ตีฝา
- โทนสีสว่างและอ่อนโยน: มักใช้โทนสีขาว ครีม เทาอ่อน หรือสีพาสเทลเป็นหลัก เพื่อสร้างความรู้สึกโปร่ง โล่ง สบายตา และสะท้อนแสง ช่วยให้ห้องดูสว่างและกว้างขึ้น
- เฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่และดูแข็งแรง: โต๊ะกินข้าวมักเป็นโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ที่ดูแข็งแรงทนทาน อาจเป็นไม้เนื้อแข็ง หรือไม้ reclaimed ที่มีร่องรอยการใช้งาน เก้าอี้อาจเป็นแบบผสมผสาน ทั้งเก้าอี้ไม้ เก้าอี้เบาะผ้า หรือม้านั่งยาว
- การผสมผสานของเก่าและใหม่: มีการนำของเก่าที่ดูวินเทจหรือของที่ดูเหมือนมาจากฟาร์ม เช่น ของใช้ในครัวเรือนแบบเก่า ตะกร้าหวาย หรือป้ายสังกะสี มาผสมผสานกับของตกแต่งที่ทันสมัย เพื่อสร้างความน่าสนใจและเอกลักษณ์
- สิ่งทอที่ให้ความอบอุ่นและสบาย: ใช้ผ้าจากธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน หรือผ้ากระสอบ สำหรับผ้าม่าน ผ้าปูโต๊ะ หรือหมอนอิง อาจมีลวดลายที่เรียบง่าย เช่น ลายทาง ลายตารางเล็กๆ หรือลวดลายดอกไม้เล็กๆ เพื่อเพิ่มความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง
อ่านบทความที่น่าสนใจ: 5 ไอเดียเลือกสีทาภายในบ้านสวย ๆ สร้างพื้นที่แห่งความสบายใจให้คุณและทุกคนในบ้าน อัปเดต 2025
9. สไตล์ Bohemian
การออกแบบตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Bohemian คือการสร้างสรรค์พื้นที่ที่เต็มไปด้วยอิสระ ความคิดสร้างสรรค์ และการแสดงออกถึงตัวตนอย่างไม่มีขีดจำกัด เป็นการผสมผสานองค์ประกอบจากวัฒนธรรมที่หลากหลายทั่วโลก เน้นการใช้วัสดุธรรมชาติ สีสัน ลวดลาย และพื้นผิวสัมผัสที่แตกต่างกัน เพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น เป็นกันเอง และเต็มไปด้วยชีวิตชีวา สไตล์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่รักการเดินทาง ชื่นชอบศิลปะ และต้องการห้องกินข้าวที่สะท้อนถึงเรื่องราวและประสบการณ์ส่วนตัว ทำให้พื้นที่นี้เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใครและเชื้อเชิญให้มาใช้เวลาร่วมกันอย่างผ่อนคลายและสนุกสนาน
ลักษณะเฉพาะของการตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Bohemian
- การผสมผสานที่หลากหลาย: เป็นสไตล์ที่ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว เน้นการผสมผสานของเก่าและใหม่ ของวินเทจจากตลาดนัด ของที่ระลึกจากการเดินทาง หรือเฟอร์นิเจอร์สไตล์ชนเผ่าต่างๆ เข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน
- วัสดุธรรมชาติและพื้นผิวสัมผัสที่อบอุ่น: นิยมใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ไม้ หวาย หินอ่อน หนัง ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน หรือผ้าขนสัตว์ รวมถึงงานฝีมือประเภทถักทอ เพื่อสร้างพื้นผิวสัมผัสที่หลากหลายและอบอุ่น
- สีสันสดใสและลวดลายจัดจ้าน: มักใช้โทนสีที่อบอุ่นและสดใส เช่น สีแดงเข้ม ส้ม เหลือง มรกต หรือสีฟ้าคราม และมีการนำลวดลายชนเผ่า ลายดอกไม้ หรือลวดลายเรขาคณิตจากสิ่งทอและพรมมาใช้ เพื่อเพิ่มความมีชีวิตชีวา
- การใช้สิ่งทอและเครื่องประดับตกแต่ง: สิ่งทอเป็นองค์ประกอบสำคัญของสไตล์ Bohemian ไม่ว่าจะเป็นพรมเปอร์เซีย พรมขนสัตว์ หมอนอิงหลากสี ผ้าม่านลูกไม้ หรือผ้าแขวนผนัง นอกจากนี้ยังรวมถึงต้นไม้แขวน โคมไฟกระดาษ หรือเครื่องประดับที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ
- บรรยากาศสบายๆ และเป็นกันเอง: เน้นการสร้างพื้นที่ที่รู้สึกผ่อนคลาย ไม่เป็นทางการ และเชื้อเชิญให้ทุกคนมาใช้เวลาร่วมกัน อาจมีการจัดวางเบาะนั่งกับพื้น หรือใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ดูสบายๆ ไม่ต้องจัดวางอย่างเป็นระเบียบมากนัก เพื่อให้รู้สึกเหมือนอยู่ในบ้านเพื่อนสนิท
10. สไตล์ Coastal/Beach House
การออกแบบตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Coastal/Beach House คือการนำเอาแรงบันดาลใจจากทะเล ชายหาด และความรู้สึกผ่อนคลายของการพักผ่อนริมทะเล มาใช้ในการตกแต่งห้อง เพื่อสร้างบรรยากาศที่สดใส โปร่งสบาย และเงียบสงบราวกับกำลังอยู่ในบ้านพักตากอากาศริมทะเล สไตล์นี้เน้นความเรียบง่าย ความสว่าง และการใช้วัสดุธรรมชาติที่สื่อถึงชายหาดและท้องทะเล ทำให้ห้องกินข้าวเป็นพื้นที่ที่ชวนให้ผ่อนคลาย เหมาะสำหรับการรวมตัวของครอบครัวและเพื่อนฝูงในบรรยากาศที่สบายๆ และสดชื่น
ลักษณะเฉพาะของการตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Coastal/Beach House
- โทนสีฟ้า-ขาวและสีธรรมชาติ: ใช้สีขาวเป็นหลักบนผนังและเฟอร์นิเจอร์ เพื่อสร้างความรู้สึกโปร่ง โล่ง และสว่าง จากนั้นเพิ่มความสดชื่นด้วยเฉดสีฟ้าและเขียวที่ได้แรงบันดาลใจจากน้ำทะเลและท้องฟ้า รวมถึงสีทรายและสีน้ำตาลอ่อนจากไม้และหวาย
- แสงธรรมชาติสูงสุด: เน้นการเปิดรับแสงธรรมชาติให้เข้ามาในห้องได้อย่างเต็มที่ มักใช้หน้าต่างบานใหญ่ ประตูบานเลื่อนกระจก หรือผ้าม่านบางเบาที่สามารถเปิดรับลมและแสงได้อย่างอิสระ เพื่อสร้างความรู้สึกโปร่งสบายและเชื่อมโยงกับภายนอก
- วัสดุธรรมชาติและพื้นผิวที่ดูสบายตา: เลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ไม้เนื้ออ่อน (โดยเฉพาะไม้ที่ดูซีดจางหรือผ่านการกัดกร่อนจากน้ำเค็ม) หวาย ป่าน เชือก และผ้าฝ้าย สำหรับเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่ง เพื่อสร้างความรู้สึกผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติ
- เฟอร์นิเจอร์ที่เรียบง่ายและใช้งานได้จริง: เฟอร์นิเจอร์มักมีดีไซน์ที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน เน้นความทนทานและดูแลรักษาง่าย โต๊ะกินข้าวอาจเป็นไม้สีอ่อน เก้าอี้หวาย หรือเก้าอี้ไม้พับได้ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศสบายๆ
- ของตกแต่งที่สื่อถึงทะเล: ประดับตกแต่งด้วยของที่ระลึกจากทะเล เช่น เปลือกหอย ปลาดาว ปะการัง ขวดแก้วสีฟ้าใส หรือภาพวาดที่เกี่ยวกับทะเลและเรือ เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศและเติมเต็มเรื่องราวของสไตล์ชายทะเล
11. สไตล์ Eclectic
การออกแบบตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Eclectic คือการผสมผสานองค์ประกอบจากหลากหลายสไตล์เข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืนและมีรสนิยม โดยไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์ของสไตล์ใดสไตล์หนึ่งโดยเฉพาะ เป็นการแสดงออกถึงบุคลิกและเรื่องราวของเจ้าของบ้านได้อย่างแท้จริง สไตล์นี้เปิดกว้างให้กับการทดลองและการสร้างสรรค์ ทำให้ห้องกินข้าวเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความน่าสนใจ ความไม่คาดฝัน และความมีชีวิตชีวา แต่ยังคงไว้ซึ่งความสมดุลและความสวยงามที่ไม่ดูวุ่นวายหรือไร้ทิศทาง เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความหลากหลาย ชอบสะสมของจากต่างที่ต่างเวลา และต้องการสร้างสรรค์พื้นที่ที่ไม่เหมือนใคร
ลักษณะเฉพาะของการตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Eclectic
- การผสมผสานหลากหลายสไตล์: เป็นหัวใจสำคัญของ Eclectic โดยไม่มีข้อจำกัดในการนำองค์ประกอบจากสไตล์ Modern, Classic, Vintage, Bohemian, Industrial หรืออื่นๆ มาผสมรวมกัน เช่น โต๊ะกินข้าวแบบ Minimalist กับเก้าอี้วินเทจ
- ความสมดุลผ่านความแตกต่าง: แม้จะมีความหลากหลาย แต่การจัดวางจะคำนึงถึงความสมดุล ไม่ว่าจะเป็นสี รูปทรง หรือขนาด เพื่อให้แต่ละองค์ประกอบส่งเสริมกันและกัน สร้างความกลมกลืนโดยรวม ไม่ให้ดูรกหรือไร้ทิศทาง
- การใช้สีสันและลวดลายที่โดดเด่น: เปิดกว้างในการใช้สีสันที่หลากหลายและลวดลายที่แตกต่างกัน ทั้งจากเฟอร์นิเจอร์ สิ่งทอ งานศิลปะ หรือของตกแต่ง ซึ่งช่วยเพิ่มความสนุกสนานและมิติให้กับห้อง
- เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่มีเรื่องราว: เน้นการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่มีเอกลักษณ์ หรือมีเรื่องราวที่น่าสนใจ เช่น ของเก่าที่หามาได้จากการเดินทาง งานศิลปะที่สะสม หรือของที่ระลึกที่สื่อถึงความทรงจำส่วนตัว
- การจัดวางที่สะท้อนบุคลิก: ห้องกินข้าวสไตล์ Eclectic จะสะท้อนรสนิยม บุคลิก และเรื่องราวของเจ้าของบ้านได้อย่างชัดเจน การจัดวางทุกชิ้นส่วนจะแสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเองอย่างอิสระและมีศิลปะ
12. สไตล์ Rustic
การออกแบบตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Rustic คือการนำเอาความงามตามธรรมชาติ ความเรียบง่าย และความรู้สึกอบอุ่นของบ้านชนบทมาประยุกต์ใช้ โดยเน้นการใช้วัสดุธรรมชาติที่ยังคงสภาพเดิมหรือผ่านการปรุงแต่งน้อยที่สุด เพื่อคงไว้ซึ่งเสน่ห์แบบดิบๆ และความแข็งแรงทนทาน สไตล์นี้ชวนให้นึกถึงความผ่อนคลายของการใช้ชีวิตในป่าเขาหรือชนบทที่ห่างไกลจากความวุ่นวาย ทำให้ห้องกินข้าวเป็นพื้นที่ที่ให้ความรู้สึกสบายๆ เป็นกันเอง และเต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ได้จากวัสดุธรรมชาติ
ลักษณะเฉพาะของการตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Rustic
- วัสดุธรรมชาติที่ดิบและไม่ปรุงแต่ง: หัวใจหลักคือการใช้วัสดุจากธรรมชาติที่แสดงถึงเนื้อแท้ เช่น ไม้เนื้อแข็ง (โดยเฉพาะไม้เก่า ไม้รีเคลม หรือไม้ที่มีร่องรอยตามธรรมชาติ) หิน อิฐดิบ หรือเหล็กหล่อ ที่ยังคงสภาพและพื้นผิวเดิมๆ
- โทนสีเอิร์ธโทนและสีธรรมชาติ: เน้นสีที่ได้จากธรรมชาติ เช่น สีน้ำตาลจากไม้ สีเทาจากหิน สีเขียวเข้มจากป่า หรือสีขาวครีมจากผ้าฝ้ายและลินิน เพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเชื่อมโยงกับธรรมชาติ
- เฟอร์นิเจอร์ไม้ขนาดใหญ่และแข็งแรง: โต๊ะกินข้าวมักเป็นโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ที่ดูมั่นคงและทนทาน อาจเป็นไม้แผ่นเดียว หรือไม้ประกบกันที่ยังคงร่องรอยของเนื้อไม้ เก้าอี้ก็มักจะเป็นไม้หรือมีโครงสร้างที่แข็งแรง
- การใช้สิ่งทอที่ให้ความอบอุ่น: เพิ่มความนุ่มนวลและอบอุ่นด้วยสิ่งทอจากธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน ผ้าขนสัตว์ หรือผ้าป่าน สำหรับผ้าปูโต๊ะ หมอนอิง หรือผ้าม่าน อาจมีลวดลายเรียบง่ายหรือลายทาง
- ของตกแต่งที่สื่อถึงวิถีชนบท: ประดับตกแต่งด้วยของใช้ในครัวเรือนที่ดูเก่าแก่หรือทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น แจกันเซรามิก ตะกร้าหวาย โคมไฟเหล็ก โถแก้ว หรือของตกแต่งที่ทำจากกิ่งไม้และผลผลิตทางการเกษตร เพื่อเสริมบรรยากาศแบบชนบท
13. สไตล์ Zen
การออกแบบตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Zen คือการสร้างสรรค์พื้นที่ที่เน้นความสงบ ความเรียบง่าย และความสมดุล เพื่อส่งเสริมการผ่อนคลายและการมีสติในทุกช่วงเวลา โดยได้รับแรงบันดาลใจจากปรัชญา Zen แบบตะวันออกที่ให้ความสำคัญกับการลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป และเชื่อมโยงมนุษย์เข้ากับธรรมชาติ สไตล์นี้จึงมุ่งเน้นการสร้างบรรยากาศที่เงียบสงบ สะอาดตา และโปร่งโล่ง ทำให้ห้องกินข้าวเป็นพื้นที่ที่ช่วยให้จิตใจสงบ ผ่อนคลาย และเพลิดเพลินกับการรับประทานอาหารได้อย่างแท้จริง
ลักษณะเฉพาะของการตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Zen
- ความเรียบง่ายและเส้นสายที่สะอาดตา: เน้นการลดทอนสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกไป ให้เหลือเพียงเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่มีความจำเป็นและมีฟังก์ชันการใช้งานที่ชัดเจน เส้นสายของเฟอร์นิเจอร์จะเรียบง่าย ตรงไปตรงมา เพื่อสร้างความรู้สึกสงบและเป็นระเบียบ
- โทนสีธรรมชาติและเป็นกลาง: ใช้โทนสีที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและสงบ เช่น สีขาว ครีม เทาอ่อน สีเบจ หรือสีของไม้ธรรมชาติ เพื่อสร้างบรรยากาศที่อ่อนโยนและไม่รบกวนสายตา อาจมีการเพิ่มสีเขียวจากต้นไม้เพื่อเชื่อมโยงกับธรรมชาติ
- การใช้วัสดุธรรมชาติ: นิยมใช้วัสดุจากธรรมชาติที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งมากนัก เช่น ไม้ไผ่ ไม้เนื้ออ่อน หิน กรวด กระดาษสา หรือผ้าฝ้าย เพื่อให้เกิดความรู้สึกอบอุ่น เป็นธรรมชาติ และผ่อนคลาย
- แสงธรรมชาติและแสงที่นุ่มนวล: การใช้แสงธรรมชาติให้เข้ามาในห้องมากที่สุดเป็นสิ่งสำคัญ อาจใช้หน้าต่างบานใหญ่ หรือผ้าม่านบางเบา นอกจากนี้ การจัดแสงไฟประดิษฐ์ก็เน้นความนุ่มนวล ไม่สว่างจ้าเกินไป เพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและสบายตา
- พื้นที่ว่างและการจัดวางอย่างมีสติ: ให้ความสำคัญกับพื้นที่ว่าง (Negative Space) เพื่อให้ห้องดูโปร่ง โล่ง และสบายตา การจัดวางเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งแต่ละชิ้นจะทำอย่างมีสติและมีจุดประสงค์ ไม่มีการจัดวางที่แน่นขนัดหรือดูรกรุงรัง เพื่อส่งเสริมความสงบและสมาธิ
14. สไตล์ Transitional
การออกแบบตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Transitional คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความคลาสสิกเหนือกาลเวลาและความทันสมัยที่เรียบง่าย เป็นสไตล์ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างความหรูหราแบบดั้งเดิมและความสะอาดตาของสไตล์โมเดิร์น ทำให้เกิดพื้นที่ที่ดูร่วมสมัย สง่างาม และใช้งานได้จริง สไตล์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสมดุล ไม่ชอบความหรูหราที่มากเกินไปของสไตล์คลาสสิก แต่ก็ไม่ต้องการความเรียบง่ายที่ดูเย็นชาของสไตล์โมเดิร์น ทำให้ห้องกินข้าวเป็นพื้นที่ที่ดูอบอุ่น เป็นมิตร และสามารถปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์ได้อย่างยืดหยุ่น
ลักษณะเฉพาะของการตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Transitional
- ความสมดุลระหว่างเก่าและใหม่: ผสมผสานเส้นสายและรูปทรงของเฟอร์นิเจอร์คลาสสิกเข้ากับความเรียบง่ายของสไตล์โมเดิร์น เช่น โต๊ะกินข้าวไม้เนื้อแข็งที่มีดีไซน์เรียบง่าย แต่มีเก้าอี้ที่มีพนักพิงโค้งมนเล็กน้อย
- โทนสีกลางและอบอุ่น: มักใช้โทนสีกลางที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและสงบ เช่น ครีม เบจ เทา หรือน้ำตาลอ่อนเป็นหลัก และอาจเพิ่มความลึกด้วยสีเข้มขึ้นเล็กน้อยในของตกแต่งหรือผ้า
- วัสดุที่หลากหลายแต่กลมกลืน: เลือกใช้วัสดุที่หลากหลาย เช่น ไม้ โลหะ แก้ว ผ้า และหนัง โดยเน้นวัสดุที่มีคุณภาพดีและมีผิวสัมผัสที่น่าสนใจ เพื่อสร้างความหรูหราอย่างไม่ฉูดฉาด
- เส้นสายที่สะอาดตาแต่มีรายละเอียด: เฟอร์นิเจอร์มีเส้นสายที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ยังคงมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่แสดงถึงความประณีต เช่น การเย็บตะเข็บบนเบาะ หรือขอบโต๊ะที่โค้งมนเล็กน้อย
- การประดับตกแต่งที่คัดสรรและไม่มากเกินไป: เน้นการเลือกของตกแต่งที่มีคุณภาพและมีดีไซน์ที่โดดเด่น แต่ไม่มากเกินไป เพื่อไม่ให้ห้องดูรก ของตกแต่งมักจะมีรูปทรงที่สะอาดตาและมีสีสันที่เข้ากับโทนสีโดยรวม
สไตล์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
สำหรับห้องกินข้าวในกลุ่มสไตล์นี้ จะเหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบความแปลกใหม่ที่ยังมีความทันสมัย และต้องการเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร โดยสไตล์การตกแต่งในกลุ่มสไตล์เอกลักษณ์ มีดังนี้
15. สไตล์ Art Deco
การออกแบบตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Art Deco คือการนำความหรูหรา โออ่า และความสง่างามของยุคทองแห่งทศวรรษที่ 1920s-1930s กลับมาสู่พื้นที่รับประทานอาหาร สไตล์นี้โดดเด่นด้วยรูปทรงเรขาคณิตที่คมชัด เส้นสายที่เฉียบคม วัสดุที่มันวาว และความรู้สึกของความก้าวหน้าและความเจริญรุ่งเรือง เป็นการผสมผสานศิลปะคิวบิสม สไตล์อียิปต์โบราณ และเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าด้วยกัน ทำให้ห้องกินข้าวเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความเย้ายวนใจ ความโดดเด่น และความมีระดับ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความหรูหราและกลิ่นอายของอดีตที่รุ่งโรจน์
ลักษณะเฉพาะของการตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Art Deco
- รูปทรงเรขาคณิตและเส้นสายที่ชัดเจน: เน้นการใช้รูปทรงเรขาคณิตที่โดดเด่น เช่น ลายซิกแซก ลายรัศมี (Sunburst) ลายขั้นบันได (Stepped Designs) และเส้นสายที่คมชัดและแม่นยำ ซึ่งสะท้อนถึงความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรม
- วัสดุที่หรูหราและมันวาว: เลือกใช้วัสดุที่ให้ความรู้สึกหรูหราและสะท้อนแสง เช่น โลหะขัดเงา (โครเมียม ทองเหลือง นิกเกิล) กระจกเงา แก้ว คริสตัล ไม้มะเกลือ หรือไม้ที่มีลายสวยงาม เช่น ไม้วอลนัท นอกจากนี้ยังอาจใช้หนัง หรือผ้ากำมะหยี่
- โทนสีเข้มและตัดกัน: นิยมใช้โทนสีที่ให้ความรู้สึกหรูหราและทรงพลัง เช่น สีดำ สีขาว สีครีม สีเงิน สีทอง และสีเข้มจัดอย่าง สีเขียวมรกต สีน้ำเงินเข้ม หรือสีแดงเบอร์กันดี โดยมักจะมีการตัดกันของสีที่เด่นชัด
- เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์โออ่าและหรูหรา: เฟอร์นิเจอร์มีขนาดที่ใหญ่พอสมควร มีเส้นสายที่โค้งมนหรือเป็นเหลี่ยมมุมที่โดดเด่น อาจมีการประดับด้วยโลหะ เช่น ในรูปแบบของมือจับเฟอร์นิเจอร์ หรือกระจกเงา มีการบุผ้ากำมะหยี่หรือหนังแท้ที่ให้ความรู้สึกหรูหราและสะดวกสบาย
- แสงไฟและของตกแต่งที่อลังการ: โคมไฟเป็นองค์ประกอบสำคัญ มักเป็นโคมไฟระย้าคริสตัล หรือโคมไฟที่มีดีไซน์เรขาคณิตที่ทำจากโลหะและแก้ว นอกจากนี้ ของตกแต่งอื่นๆ เช่น กระจกเงากรอบโลหะ ภาพศิลปะแบบนามธรรม และประติมากรรมขนาดเล็ก ก็มีบทบาทในการเสริมสร้างความหรูหราและอลังการของสไตล์นี้
16. สไตล์ Tropical
การออกแบบตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Tropical คือการนำเอาความสดชื่น ความมีชีวิตชีวา และความงามของธรรมชาติเขตร้อนมาสู่พื้นที่รับประทานอาหาร สไตล์นี้เน้นการสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย สบายๆ และเชื่อมโยงกับธรรมชาติภายนอก ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังพักผ่อนอยู่ในรีสอร์ตหรูริมทะเลหรือบ้านพักกลางป่าเขตร้อนที่เขียวชอุ่ม การใช้พืชพรรณเขตร้อน วัสดุธรรมชาติ และสีสันที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ทำให้ห้องกินข้าวเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยพลังงานบวก ความสดชื่น และความรู้สึกเหมือนได้หลีกหนีจากความวุ่นวายในชีวิตประจำวัน
ลักษณะเฉพาะของการตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Tropical
- พืชพรรณเขตร้อน: การใช้ต้นไม้เขตร้อนขนาดใหญ่ เช่น ต้นปาล์ม มอนสเตอร่า พลูด่าง หรือเฟิร์น เป็นองค์ประกอบหลักในการตกแต่ง ช่วยเพิ่มความสดชื่น สร้างบรรยากาศร่มรื่น และเชื่อมโยงกับธรรมชาติ
- วัสดุธรรมชาติ: เน้นการใช้วัสดุที่ได้จากธรรมชาติ เช่น ไม้ไผ่ หวาย ผักตบชวา ลินิน หรือไม้เนื้อแข็งสีอ่อน-กลาง สำหรับเฟอร์นิเจอร์ พื้น และของตกแต่ง เพื่อสร้างความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง
- โทนสีที่สดใสและเป็นธรรมชาติ: มักใช้โทนสีเขียว ฟ้า น้ำเงิน (จากต้นไม้และน้ำทะเล) และสีขาว ครีม หรือสีทรายเป็นพื้นฐาน อาจมีการเพิ่มสีสันสดใสจากดอกไม้เขตร้อน เช่น ชมพู ส้ม เหลือง เพื่อเพิ่มความมีชีวิตชีวา
- เฟอร์นิเจอร์ที่โปร่งสบายและทนทาน: เฟอร์นิเจอร์มักทำจากวัสดุหวาย ไม้ หรือไม้ไผ่ มีดีไซน์ที่โปร่งสบาย ไม่ทึบตัน เพื่อให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น และเน้นความทนทานต่อการใช้งาน
- ของตกแต่งที่สื่อถึงเขตร้อน: ประดับตกแต่งด้วยสิ่งของที่สื่อถึงบรรยากาศเขตร้อน เช่น ภาพวาดใบไม้ ดอกไม้ หรือทิวทัศน์ทะเล หมอนอิงลายพืชพรรณ ของตกแต่งที่ทำจากเปลือกหอย หรือโคมไฟที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เพื่อเสริมความรู้สึกของสไตล์ Tropical ให้เด่นชัดยิ่งขึ้น
17. สไตล์ Shabby Chic
การออกแบบตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Shabby Chic คือการผสมผสานความสวยงามแบบวินเทจเข้ากับความเรียบง่ายและอ่อนหวานของสไตล์ชนบท เพื่อสร้างสรรค์บรรยากาศที่อบอุ่น อ่อนโยน และโรแมนติกราวกับห้องในบ้านสไตล์ยุโรปเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราว สไตล์นี้โดดเด่นด้วยการใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ดูเหมือนผ่านการใช้งานมาแล้ว หรือมีการทำสีให้ดูเก่า (Distressed Finish) ร่วมกับของตกแต่งที่ละเอียดอ่อนและสีสันที่นุ่มนวล ทำให้ห้องกินข้าวเป็นพื้นที่ที่ชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย อบอุ่นใจ และเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ไม่สมบูรณ์แบบแต่ลงตัว
ลักษณะเฉพาะของการตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Shabby Chic
- เฟอร์นิเจอร์วินเทจและดูเก่า: เน้นการใช้เฟอร์นิเจอร์เก่า หรือเฟอร์นิเจอร์ใหม่ที่ทำสีให้ดูเก่า ขัดถลอก หรือมีรอยขีดข่วนเล็กน้อย (Distressed Look) เพื่อสร้างความรู้สึกเหมือนผ่านกาลเวลามานาน และมีเรื่องราว
- โทนสีอ่อนหวานและพาสเทล: นิยมใช้โทนสีที่อ่อนโยนและนุ่มนวล เช่น สีขาวครีม สีงาช้าง สีชมพูอ่อน สีฟ้าอ่อน สีเขียวมิ้นต์ หรือสีพาสเทลต่างๆ เพื่อสร้างบรรยากาศที่โรแมนติกและผ่อนคลาย
- การใช้สิ่งทอและลูกไม้: สิ่งทอเป็นองค์ประกอบสำคัญที่เพิ่มความอ่อนหวาน มักใช้ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน หรือผ้าลูกไม้ สำหรับผ้าปูโต๊ะ ผ้าม่าน หมอนอิง หรือผ้าคลุมเก้าอี้ มักมีลวดลายดอกไม้เล็กๆ หรือลายวิคตอเรียน
- ของตกแต่งแนววินเทจและโรแมนติก: ประดับตกแต่งด้วยของเก่าที่ดูย้อนยุค เช่น กรอบรูปไม้เก่า โคมไฟระย้าคริสตัลที่ไม่ต้องหรูหรามาก แจกันดอกไม้สด (โดยเฉพาะดอกกุหลาบ) เชิงเทียน หรือถ้วยชามกระเบื้องลายคราม
- บรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง: สไตล์นี้ให้ความรู้สึกสบายๆ ไม่เป็นทางการมากนัก แต่ยังคงความสวยงามและมีรายละเอียดที่น่าสนใจ การจัดวางของตกแต่งจะเน้นความรู้สึกที่ผ่อนคลายและเชื้อเชิญให้เข้ามาใช้งานอย่างเป็นกันเอง
18. สไตล์ Moroccan
การออกแบบตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Moroccan คือการสร้างสรรค์พื้นที่ที่เต็มไปด้วยสีสัน ลวดลายที่ซับซ้อน และกลิ่นอายของวัฒนธรรมอันรุ่มรวยของโมร็อกโก ซึ่งเป็นประเทศที่ตั้งอยู่บริเวณจุดตัดของทวีปแอฟริกาและตะวันออกกลาง สไตล์นี้โดดเด่นด้วยการผสมผสานงานฝีมืออันประณีต แสงไฟที่อบอุ่น และบรรยากาศที่เชื้อเชิญให้มาใช้เวลาร่วมกันอย่างผ่อนคลายและดื่มด่ำ ทำให้ห้องกินข้าวเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความลึกลับ น่าค้นหา และความมีชีวิตชีวาที่ได้แรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมและศิลปะแบบแขกมัวร์
ลักษณะเฉพาะของการตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Moroccan
- สีสันที่จัดจ้านและอบอุ่น: นิยมใช้โทนสีที่สดใสและอบอุ่น เช่น สีแดงเบอร์กันดี ส้มอิฐ เหลืองทอง สีเขียวมรกต สีฟ้าคราม หรือสีม่วงพลัม ซึ่งมักจะตัดกับสีกลางอย่างสีเบจหรือสีขาว เพื่อสร้างความโดดเด่นและมีชีวิตชีวา
- ลวดลายเรขาคณิตและลวดลายแบบอิสลาม: การใช้ลวดลายเป็นหัวใจสำคัญของสไตล์นี้ ไม่ว่าจะเป็นบนกระเบื้องโมเสก พรม สิ่งทอ หรือฉลุลายบนเฟอร์นิเจอร์ ลวดลายเหล่านี้มักเป็นรูปทรงเรขาคณิตที่ซับซ้อน ลายดอกไม้ หรือลายที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะอิสลาม
- วัสดุธรรมชาติและงานฝีมือ: เน้นการใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ไม้เนื้อแข็ง ทองเหลือง เหล็กดัด เครื่องปั้นดินเผา และหนัง โดยเฉพาะงานฝีมือที่ทำด้วยมือ เช่น กระเบื้อง Zellige, โคมไฟทองเหลืองฉลุลาย หรือพรมทอมือ
- แสงไฟที่อบอุ่นและมีมิติ: การจัดแสงไฟเป็นสิ่งสำคัญมาก มักใช้โคมไฟแขวนเพดานทองเหลืองฉลุลาย หรือโคมไฟตั้งพื้นและเชิงเทียนที่ให้แสงสว่างแบบสลัวๆ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ลึกลับ อบอุ่น และโรแมนติก
- เฟอร์นิเจอร์และสิ่งทอที่อลังการ: เฟอร์นิเจอร์มักมีการแกะสลัก หรือประดับด้วยโลหะ สิ่งทอมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มความหรูหราและสบาย เช่น พรมทอมือขนาดใหญ่ หมอนอิงปักลวดลายเบาะนั่งกำมะหยี่ หรือผ้าคลุมโต๊ะที่มีลวดลายและพู่ห้อย
19. สไตล์ Glamour
การออกแบบตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Glamour คือการสร้างสรรค์พื้นที่ที่เต็มไปด้วยความหรูหรา สง่างาม และความเย้ายวนใจอันน่าดึงดูดใจ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากยุคทองของฮอลลีวูดและสถาปัตยกรรม Art Deco เน้นการใช้วัสดุที่สะท้อนแสง มีประกายแวววาว และองค์ประกอบที่โดดเด่นเพื่อสร้างความรู้สึกโอ่อ่าและความพิเศษ ทำให้ห้องกินข้าวเป็นพื้นที่ที่บ่งบอกถึงรสนิยมอันเลิศหรู และความหลงใหลในความงามที่เหนือระดับ เหมาะสำหรับการจัดงานเลี้ยงหรือการรับประทานอาหารในโอกาสพิเศษที่ต้องการบรรยากาศอันน่าประทับใจ
ลักษณะเฉพาะของการตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Glamour
- วัสดุที่หรูหราและเงางาม: เน้นการใช้วัสดุที่ให้ความรู้สึกแพงและมีประกายแวววาว เช่น หินอ่อนมันวาว โลหะขัดเงา (ทองเหลือง โครเมียม เงิน) กระจกเงา คริสตัล กำมะหยี่ ผ้าไหม และหนัง เพื่อสร้างความรู้สึกโอ่อ่าและดึงดูดสายตา
- โทนสีที่ลึกและโดดเด่น: มักใช้โทนสีที่ให้ความรู้สึกหรูหรา เช่น สีดำ สีขาว สีเทาเข้ม สีเงิน สีทอง และสีอัญมณีอย่าง สีมรกต สีน้ำเงินแซฟไฟร์ สีแดงทับทิม หรือสีม่วงพลัม เพื่อเพิ่มความลึกซึ้งและความโดดเด่น
- เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์โค้งมนและมีมิติ: เฟอร์นิเจอร์มักมีรูปทรงที่โค้งมน นุ่มนวล หรือมีรายละเอียดที่ประณีต อาจมีการบุด้วยผ้ากำมะหยี่หรือหนังแท้ที่มีความเงางาม และมีขาเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากโลหะมันวาว
- แสงไฟที่ระยิบระยับและสร้างบรรยากาศ: โคมไฟเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สร้างความ Glamour มักใช้โคมไฟระย้าคริสตัลขนาดใหญ่ โคมไฟตั้งโต๊ะที่มีฐานเป็นโลหะ หรือโคมไฟที่มีลูกเล่นของแสงเงา เพื่อสร้างบรรยากาศที่หรูหราและเชื้อเชิญ
- การประดับตกแต่งที่สะท้อนความหรูหรา: ของตกแต่งจะถูกคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน เน้นชิ้นงานที่มีความประณีต เช่น แจกันแก้วคริสตัล รูปปั้นโลหะ งานศิลปะนามธรรมขนาดใหญ่ หรือกระจกเงาบานใหญ่ที่มีกรอบหรูหรา เพื่อเสริมสร้างความรู้สึกโอ่อ่าและน่าประทับใจ
20. สไตล์ Urban Modern
การออกแบบตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Urban Modern คือการผสมผสานความเรียบง่ายและฟังก์ชันการใช้งานของสไตล์ Modern เข้ากับความหรูหราที่ทันสมัยและกลิ่นอายของชีวิตในเมืองใหญ่ เป็นการสร้างสรรค์พื้นที่ที่ดูสะอาดตา ทันสมัย แต่ยังคงความอบอุ่นและมีเสน่ห์เฉพาะตัว สไตล์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมหรือบ้านในเมืองที่ต้องการความสะดวกสบาย ความเรียบง่าย และการสะท้อนรสนิยมที่ร่วมสมัย ทำให้ห้องกินข้าวเป็นพื้นที่ที่ดูหรูหราอย่างไม่เอิกเกริก และตอบโจทย์การใช้ชีวิตในเมืองได้อย่างลงตัว
ลักษณะเฉพาะของการตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Urban Modern
- เส้นสายสะอาดตาและรูปทรงเรขาคณิต: เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งมีดีไซน์ที่เรียบง่าย เน้นเส้นสายตรงหรือโค้งที่สะอาดตา และรูปทรงเรขาคณิตที่ชัดเจน เพื่อสร้างความรู้สึกที่เป็นระเบียบและทันสมัย
- โทนสีกลางเป็นหลักและมีสีเข้มตัด: มักใช้โทนสีกลางอย่าง สีเทา ครีม เบจ หรือขาว เป็นพื้นฐาน และมีการเพิ่มความเข้มข้นด้วยสีดำ เทาเข้ม หรือน้ำเงินเข้มในบางจุด เพื่อสร้างความลึกและมิติให้กับห้อง
- วัสดุที่หลากหลายและคุณภาพสูง: เลือกใช้วัสดุที่หลากหลายแต่มีคุณภาพดี เช่น ไม้ธรรมชาติ หินอ่อน โลหะ (ทองเหลือง สเตนเลส) กระจก หรือคอนกรีต ซึ่งช่วยเพิ่มความทันสมัยและผิวสัมผัสที่น่าสนใจ
- แสงไฟที่เน้นดีไซน์และฟังก์ชัน: การจัดแสงไฟเป็นสิ่งสำคัญ มักใช้โคมไฟดีไซน์โมเดิร์นที่โดดเด่น เช่น โคมไฟแขวนเพดานทรงเรขาคณิต หรือโคมไฟตั้งพื้นที่มีเส้นสายเรียบง่าย เพื่อเพิ่มทั้งแสงสว่างและสไตล์
- การประดับตกแต่งที่เรียบง่ายแต่มีเอกลักษณ์: เน้นการใช้ของตกแต่งที่ไม่มากชิ้น แต่แต่ละชิ้นมีความสำคัญและมีเอกลักษณ์ อาจเป็นงานศิลปะนามธรรม พืชพรรณสีเขียว หรือของตกแต่งที่ทำจากวัสดุที่ดูหรูหรา เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับห้องโดยไม่ทำให้ดูรก
21. สไตล์ Japanese Minimal
การออกแบบตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Japanese Minimal คือการผสมผสานปรัชญาความเรียบง่ายแบบมินิมอลเข้ากับความงามอันสงบและกลมกลืนของสุนทรียศาสตร์แบบญี่ปุ่นที่เน้นการเชื่อมโยงกับธรรมชาติและความสมดุล สไตล์นี้มุ่งเน้นการสร้างพื้นที่ที่โล่ง โปร่งสบาย ไร้สิ่งรบกวน และส่งเสริมความสงบภายในจิตใจ ทุกองค์ประกอบถูกเลือกสรรมาอย่างพิถีพิถันเพื่อตอบสนองการใช้งานและสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย ทำให้ห้องกินข้าวเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การรับประทานอาหารอย่างมีสติ และเพลิดเพลินกับความงามของความเรียบง่าย
ลักษณะเฉพาะของการตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Japanese Minimal
- ความเรียบง่ายและลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็น: หัวใจสำคัญคือการกำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป คงไว้เพียงเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่ใช้งานได้จริงและมีความสำคัญต่อพื้นที่ เพื่อสร้างความรู้สึกสงบและไม่วุ่นวาย
- โทนสีธรรมชาติและเป็นกลาง: เน้นการใช้สีที่ได้จากธรรมชาติและให้ความรู้สึกสงบ เช่น สีขาว ครีม เทาอ่อน สีของไม้ธรรมชาติ (เช่น ไม้สน ไม้โอ๊ค) และอาจมีสีเขียวจากพืชพรรณ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและกลมกลืน
- วัสดุธรรมชาติและงานฝีมือ: เลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งมากนัก เช่น ไม้เนื้ออ่อน ไม้ไผ่ กระดาษ (สำหรับฉากกั้นหรือโคมไฟ) หิน และเซรามิก ซึ่งสื่อถึงความงามของเนื้อแท้ของวัสดุ
- การเชื่อมโยงกับธรรมชาติและแสงธรรมชาติ: ให้ความสำคัญกับการนำธรรมชาติเข้ามาในบ้าน เช่น การใช้ต้นไม้เล็กๆ หรือสวนหินจำลองภายในห้อง และเน้นการเปิดรับแสงธรรมชาติให้ส่องเข้ามาในพื้นที่ได้อย่างเต็มที่ เพื่อความโปร่งโล่ง
- เฟอร์นิเจอร์ฟังก์ชันนัลและพื้นที่เปิดโล่ง: เฟอร์นิเจอร์มีดีไซน์ที่เรียบง่าย เน้นการใช้งานจริง และมักจะมีขนาดที่ต่ำหรือโปร่งตา เพื่อให้ห้องดูมีพื้นที่ว่างและโล่งสบาย อาจใช้เฟอร์นิเจอร์แบบพับเก็บได้หรือมีหลายฟังก์ชันเพื่อประหยัดพื้นที่
22. สไตล์ Mediterranean
การออกแบบตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Mediterranean คือการนำความสดใส ความอบอุ่น และกลิ่นอายของประเทศแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เช่น กรีซ อิตาลี สเปน และโมร็อกโก มาสู่พื้นที่รับประทานอาหาร สไตล์นี้โดดเด่นด้วยการใช้สีสันที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติริมทะเล วัสดุธรรมชาติที่แข็งแรงทนทาน และบรรยากาศที่เชื้อเชิญให้มาใช้เวลาร่วมกันอย่างสบายๆ เหมือนอยู่ในบ้านพักตากอากาศริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอันงดงาม ทำให้ห้องกินข้าวเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ความสดชื่น และความรู้สึกอบอุ่นเป็นกันเอง
ลักษณะเฉพาะของการตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Mediterranean
- โทนสีที่สดใสและได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ: นิยมใช้สีที่สะท้อนถึงท้องฟ้า ทะเล และแสงแดด เช่น สีฟ้าสดใส สีขาว สีครีม สีเหลืองอ่อน สีเขียวมะกอก หรือสีส้มจากดินเผา อาจมีการเพิ่มสีสันสดใสจากดอกไม้หรือกระเบื้อง
- วัสดุธรรมชาติที่แข็งแรงและทนทาน: เน้นการใช้วัสดุที่สื่อถึงความแข็งแรงและความเป็นธรรมชาติ เช่น ปูนปลาสเตอร์ ผนังปูนเปลือย กระเบื้องดินเผา (Terracotta) หิน เหล็กดัด และไม้เนื้อแข็ง (โดยเฉพาะไม้โอ๊ค หรือไม้สนที่ดูเก่า)
- โครงสร้างสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น: อาจมีองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม เช่น ซุ้มโค้ง ผนังหนา หน้าต่างบานใหญ่ หรือเพดานคานไม้เปลือย เพื่อเสริมสร้างความรู้สึกแบบเมดิเตอร์เรเนียนแท้ๆ
- เฟอร์นิเจอร์ไม้และเหล็กดัด: เฟอร์นิเจอร์มักทำจากไม้เนื้อแข็งที่มีดีไซน์เรียบง่ายแต่แข็งแรง อาจมีรายละเอียดการแกะสลักเล็กน้อย หรือใช้เฟอร์นิเจอร์เหล็กดัดที่มีลวดลายอ่อนช้อย ซึ่งให้ความรู้สึกคลาสสิกและทนทาน
- ของตกแต่งที่สื่อถึงวิถีชีวิตริมทะเล: ประดับตกแต่งด้วยของที่ระลึกจากทะเล เช่น เครื่องปั้นดินเผา โถไหเซรามิกสีสันสดใส แจกันดินเผาใส่ดอกไม้ หรือพืชพรรณ เช่น ต้นมะกอกเล็กๆ เพื่อสร้างบรรยากาศที่สมบูรณ์แบบของสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน
23. สไตล์ Maximalist
การออกแบบตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Maximalist คือการแสดงออกถึงความรักในศิลปะ สีสัน ลวดลาย และของสะสมอย่างเต็มที่ โดยไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์ของความเรียบง่าย เป็นการสร้างสรรค์พื้นที่ที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ความสนุกสนาน และเรื่องราวส่วนตัว โดยไม่เกรงกลัวที่จะผสมผสานสิ่งของที่หลากหลาย ทั้งในด้านสี รูปทรง และเนื้อสัมผัส ทำให้ห้องกินข้าวเป็นพื้นที่ที่สะท้อนบุคลิกที่โดดเด่น ความคิดสร้างสรรค์ และความหลงใหลในความงามที่แตกต่างกันของเจ้าของบ้านได้อย่างชัดเจนและน่าสนใจ
ลักษณะเฉพาะของการตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Maximalist
- การใช้สีสันและลวดลายอย่างเต็มที่: ไม่จำกัดในการใช้สีสันที่สดใส ตัดกัน หรือแม้แต่สีเข้มที่หลากหลายผสมผสานกัน รวมถึงการใช้ลวดลายที่ซับซ้อนและแตกต่างกันบนผนัง เฟอร์นิเจอร์ หรือสิ่งทอ
- การผสมผสานของเก่าและใหม่: มีการนำเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งจากหลายยุคสมัย หลายวัฒนธรรม และหลายสไตล์มาจัดวางรวมกันอย่างกลมกลืน เช่น ของสะสมวินเทจ ของโบราณ งานศิลปะโมเดิร์น และเฟอร์นิเจอร์สั่งทำพิเศษ
- การจัดแสดงของสะสมและงานศิลปะ: ห้องจะเต็มไปด้วยของสะสมส่วนตัว งานศิลปะ ภาพวาด รูปปั้น หรือของที่ระลึกจากการเดินทาง ซึ่งถูกจัดแสดงอย่างตั้งใจและมีศิลปะ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวและเพิ่มมิติให้กับพื้นที่
- พื้นผิวสัมผัสที่หลากหลายและซ้อนทับกัน: มีการใช้สิ่งทอที่มีผิวสัมผัสแตกต่างกัน เช่น กำมะหยี่ ผ้าไหม ขนสัตว์ หรือพรมปูพื้นหลายชั้น รวมถึงการใช้วัสดุที่หลากหลาย เช่น ไม้ โลหะ แก้ว เพื่อเพิ่มความซับซ้อนและความน่าสนใจทางสายตา
- ความไม่สมบูรณ์แบบที่ตั้งใจ: แม้จะดูเหมือนจัดวางแบบไร้ระเบียบ แต่ทุกองค์ประกอบถูกเลือกสรรมาอย่างดีและมีความหมาย การจัดวางจะเน้นความรู้สึกที่สนุกสนานและเป็นกันเอง ไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบที่ตายตัว ทำให้ห้องมีชีวิตชีวาและสะท้อนบุคลิกของเจ้าของได้อย่างแท้จริง
24. สไตล์ Sci-Fi/Futuristic
การออกแบบตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Sci-Fi/Futuristic คือการสร้างสรรค์พื้นที่ที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของอนาคต เทคโนโลยีล้ำสมัย และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ นวนิยาย และจินตนาการเกี่ยวกับชีวิตในอนาคต สไตล์นี้เน้นการใช้รูปทรงเรขาคณิตที่แปลกใหม่ วัสดุสังเคราะห์ที่ทันสมัย แสงไฟที่ควบคุมได้ และเทคโนโลยีอัจฉริยะ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดูสะอาดตา ล้ำยุค และน่าตื่นเต้น ทำให้ห้องกินข้าวเป็นพื้นที่ที่ไม่เพียงแต่ใช้งานได้จริง แต่ยังเป็นการก้าวข้ามขีดจำกัดของจินตนาการ และเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
ลักษณะเฉพาะของการตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Sci-Fi/Futuristic
- รูปทรงเรขาคณิตที่แปลกใหม่และเส้นสายล้ำยุค: เน้นการใช้รูปทรงที่ทันสมัย ลื่นไหล โค้งมน หรือเป็นเหลี่ยมมุมที่แปลกตา ไม่ซ้ำซ้อน และเส้นสายที่ให้ความรู้สึกพุ่งไปข้างหน้า สื่อถึงการเคลื่อนไหวและความก้าวหน้า
- วัสดุสังเคราะห์และมันวาว: เลือกใช้วัสดุที่ดูทันสมัยและให้ความรู้สึกแห่งอนาคต เช่น โลหะขัดเงา (สเตนเลส โครเมียม) พลาสติกอะคริลิก แก้วใส คอนกรีตขัดเงา หรือวัสดุคอมโพสิตที่มีพื้นผิวเรียบเนียน
- โทนสีเย็นและขาวสว่าง: มักใช้โทนสีที่สะอาดตาและให้ความรู้สึกทันสมัย เช่น สีขาว สีกรมท่า สีเทาเมทัลลิก หรือสีเงิน อาจมีการใช้สีนีออนหรือสีพาสเทลที่ดูเรืองแสงเพื่อสร้างจุดเด่น
- แสงไฟแบบ LED และการควบคุมแสง: การจัดแสงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง มักใช้ไฟ LED แบบซ่อน ไฟเส้น หรือไฟที่เปลี่ยนสีได้ เพื่อสร้างบรรยากาศที่แตกต่างกัน และอาจมีระบบควบคุมแสงอัจฉริยะที่สามารถปรับความสว่างและสีได้
- เทคโนโลยีอัจฉริยะและฟังก์ชันที่ซ่อนเร้น: อาจมีการผสานรวมเทคโนโลยีเข้ากับการออกแบบ เช่น โต๊ะที่สามารถปรับความสูงได้ด้วยระบบไฟฟ้า หน้าจอสัมผัสที่ซ่อนอยู่ในผนัง หรืออุปกรณ์ที่ควบคุมด้วยเสียง เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและสะท้อนวิสัยทัศน์ของอนาคต
25. สไตล์ Resort/Spa-like
การออกแบบตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Resort/Spa-like คือการสร้างสรรค์พื้นที่ที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สงบ และหรูหราเสมือนกำลังพักผ่อนอยู่ในรีสอร์ตหรือสปาหรู สไตล์นี้มุ่งเน้นการใช้โทนสีที่อ่อนโยน วัสดุจากธรรมชาติ และการจัดวางที่โปร่งโล่งสบาย เพื่อสร้างบรรยากาศที่ช่วยเยียวยาทั้งกายและใจ ให้ความรู้สึกสงบสุขและผ่อนคลายจากความวุ่นวายภายนอก ทำให้ห้องกินข้าวเป็นพื้นที่ที่เชิญชวนให้มาใช้เวลาร่วมกันอย่างช้าๆ ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่หอมกรุ่นและสงบเงียบ ราวกับได้หลีกหนีไปพักผ่อนในสถานที่พักผ่อนชั้นเลิศ
ลักษณะเฉพาะของการตกแต่งภายในห้องกินข้าวสไตล์ Resort/Spa-like
- โทนสีอ่อนโยนและเป็นธรรมชาติ: เน้นการใช้สีที่ให้ความรู้สึกสงบและผ่อนคลาย เช่น สีขาว สีครีม สีเบจ สีเทาอ่อน และสีเขียวอ่อนจากพืชพรรณ เพื่อสร้างบรรยากาศที่นุ่มนวลและสบายตา
- วัสดุธรรมชาติที่อบอุ่น: เลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและมีพื้นผิวสัมผัสที่น่ารื่นรมย์ เช่น ไม้เนื้ออ่อน หินอ่อน ไม้ไผ่ หวาย ผ้าฝ้าย หรือลินิน เพื่อเพิ่มความเชื่อมโยงกับธรรมชาติและความผ่อนคลาย
- แสงธรรมชาติและแสงไฟที่นุ่มนวล: การเปิดรับแสงธรรมชาติให้เข้ามาในห้องให้มากที่สุดเป็นสิ่งสำคัญ อาจใช้ผ้าม่านโปร่งบางเบา นอกจากนี้ การจัดแสงไฟประดิษฐ์ก็เน้นความนุ่มนวล ไม่จ้าเกินไป เพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและโรแมนติก
- ความโปร่งโล่งและพื้นที่หายใจ: การจัดวางเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งอย่างมีพื้นที่ว่าง ไม่แออัด เพื่อให้ห้องดูโปร่งสบาย หายใจได้เต็มที่ และเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ช่วยเสริมความรู้สึกสงบและผ่อนคลาย
- กลิ่นหอมและองค์ประกอบที่ส่งเสริมการผ่อนคลาย: เพิ่มความรู้สึกเหมือนอยู่ในสปาด้วยการใช้กลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหยหรือเทียนหอม วางต้นไม้เล็กๆ หรือดอกไม้สด จัดวางน้ำพุขนาดเล็กเพื่อสร้างเสียงน้ำไหลเบาๆ และของตกแต่งที่เรียบง่ายแต่ให้ความรู้สึกสงบ เช่น หินกรวด หรือเปลือกหอย
One Nine One Discreet Luxury Interior Design รับออกแบบตกแต่งภายในห้องกินข้าวให้สวยงาม หรูหราในแบบที่คุณหลงใหล
ไม่ว่าคุณจะชื่นชอบสไตล์ไหน การตกแต่งห้องกินข้าวให้สวยงามและเป็นประโยชน์ใช้สอยสูงสุดคือหัวใจสำคัญ เพราะพื้นที่แห่งนี้คือที่ที่ความทรงจำดี ๆ ของครอบครัวจะถูกสร้างขึ้นในทุก ๆ วัน
ที่ One Nine One Discreet Luxury Interior Design เรามีความเชี่ยวชาญในการออกแบบและตกแต่งภายในทุกสไตล์ เราไม่เพียงแค่สร้างสรรค์ความสวยงาม แต่ยังใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อให้ห้องกินข้าวของคุณเป็นพื้นที่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และสร้างความสุขให้ทุกคนในบ้านได้อย่างแท้จริง ให้เราช่วยเนรมิตห้องกินข้าวในฝันของคุณ เปลี่ยนทุกมื้อเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ไม่มีวันลืม
ชมผลงานออกแบบตกแต่งภายในของ One Nine One Discreet Luxury Interior Design
หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-430-6789 และแอดไลน์ @1nine1
