ลงทุนกับ Interior Design สะท้อนตัวตน เพิ่มมูลค่าบ้านอย่างยั่งยืน

สงสัยกันไหมว่า “เราจะเสียเงินจ้าง Interior Design แพง ๆ ทำไม”ในเมื่อไม่ว่าจะออกแบบเองหรือจ้างใครก็ได้มาทำให้ ก็ได้ผลลัพธ์ที่เหมือนกัน

ในความเป็นจริงแล้ว การใช้บริการ Interior Design ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการบิ้วอินบ้าน คือวิธีการเพิ่มมูลค่าบ้านให้กลายเป็นสินทรัพย์ที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ในอนาคต เพราะการออกแบบบ้านที่ดี นอกจากจะทำให้ฟังก์ชันภายในของบ้านสามารถใช้งานได้ในระยะยาว ยังส่งผลดีต่อการนำบ้านไปลงทุนในอนาคตอีกด้วย

ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์คุณภาพสูง การติดตั้งเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินที่เหมาะสมกับพื้นที่ของบ้าน หรือสไตล์การออกแบบบ้านหรูที่สวยงามเหนือระดับ สิ่งเหล่านี้คือองค์ประกอบที่กลายเป็นตัวตัดสินมูลค่าของบ้าน เมื่อต้องการทำการซื้อขายในอนาคต

แน่นอนว่ารายละเอียดของการเพิ่มมูลค่าบ้านมีมากมาย แต่ในบทความนี้เราจะมาลงลึกเกี่ยวกับการใช้บริการ Interior Designในการออกแบบภายในบ้าน และแนวคิดในการเพิ่มมูลค่าบ้านอย่างยั่งยืน

- เลือกอ่าน

คุณค่าของ Interior Design ไม่ใช่แค่ความสวยงาม

หลายคนมักคิดว่า การใช้บริการ Interior Design ในการออกแบบตกแต่งภายใน เป็นแค่การทำให้บ้านสวยงามมากขึ้นเท่านั้น และถือเป็นวิธีการที่สิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น แต่ในความเป็นจริงแล้ว การเลือกใช้บริการ Interior Design คือการตัดสินใจอย่างชาญฉลาด เพื่อเพิ่มมูลค่าในอนาคต ซึ่งแบ่งได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ

การบิ้วอิน walk-in closet ที่เน้นฟังก์ชันการใช้งาน

1. Functional Value มูลค่าด้านการใช้งานที่ตอบโจทย์

Interior Design จะช่วยออกแบบภายในบ้าน รวมถึงงานบิ้วอินต่าง ๆ โดยมองตามหลักความเป็นจริงร่วมกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้พักอาศัยเป็นหลัก ได้แก่

  • การวางแผนผังของบ้าน: มีการพิจารณาทิศทางของลม ทิศทางของแสง และการแบ่งพื้นที่แต่ละห้องให้เหมาะสม
  • พื้นที่ใช้สอย: มีการวางแผนการใช้งานพื้นที่ต่าง ๆ อย่างคุ้มค่าตามไลฟ์สไตล์ เช่น เน้นพื้นที่ของห้องรับแขกหรือห้องนั่งเล่นให้กว้างขวาง สำหรับครอบครัวที่ชื่นชอบการสังสรรค์, แบ่งโซนครัวไทยและครัวฝรั่งออกจากกัน สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการทำอาหารเป็นประจำ
  • เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์เสริม: การออกแบบเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินที่พอดีกับพื้นที่ มีฟังก์ชันการใช้งานอย่างครบถ้วน สามารถจัดระเบียบง่าย และหยิบจับสิ่งของได้ง่าย
ออกแบบตกแต่งภายในห้องนอนให้รู้สึกน่านอน

2. Emotional Value มูลค่าทางความรู้สึก

สิ่งที่หลายคนมักมองข้าม คือ มูลค่าทางความรู้สึกหรือมูลค่าทางอารมณ์ บางครั้งความสวยงามอาจไม่ตอบโจทย์ความชอบหรือการใช้งานได้มากที่สุด เพราะมูลค่าทางอารมณ์ที่แท้จริง คือ 

  • การมีบ้านที่ให้บรรยากาศอบอุ่น และผ่อนคลาย
  • พื้นที่ของบ้านมีมุมที่เป็นเอกลักษณ์และแสดงตัวตนของตนเอง เช่น มุมอ่านหนังสือที่เจ้าของมีส่วนร่วมในการออกแบบ รวมถึงตู้โชว์ใส่ของสะสม และมุมจัดแสดงรางวัลต่าง ๆ ที่เคยได้รับ
  • การมีมุมพักผ่อนตามความชอบ เช่น มุมนั่งดื่มกาแฟ มุมอ่านหนังสือ เป็นต้น
บ้านที่มีการ interior design อย่างพิถีพิถัน

3. Financial Value มูลค่าทางการเงินแบบรูปธรรม

เมื่อ Interior Design มีการออกแบบบ้านหรูอย่างพิถีพิถัน จนตอบโจทย์มูลค่าทั้ง 2 รูปแบบข้างต้นแล้ว จะนำไปสู่ Financial Value และ Property Value บ้านที่ได้รับการออกแบบมาอย่างใส่ใจ มีทั้งความสวยงามและฟังก์ชันการใช้งานครบครัน มูลค่าที่แท้จริงของบ้านอาจไม่ใช่แค่ราคาบ้าน + ค่า Interior Design + ค่าตกแต่งเพิ่มเติม 

เพราะเมื่อทุกพื้นที่ของบ้านมีแต่ของคุณภาพที่สามารถใช้งานได้อย่างยั่งยืน มูลค่าของบ้านก็มีโอกาสเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ส่งผลดีต่อการนำบ้านไปลงทุนในอนาคต อย่างการขายต่อหรือปล่อยเช่า

4 ปัจจัยที่ Interior Design ช่วยเพิ่มมูลค่าอสังหาริมทรัพย์

หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่า แค่การใช้งาน Interior Design ก็สามารถเพิ่มมูลค่าบ้านได้จริงหรือไม่ ในหัวข้อนี้จึงรวบรวมคำตอบที่ทุกคนสงสัย ว่านักออกแบบตกแต่งภายใน ทำอย่างไรเพื่อเพิ่มมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์

interior design ให้มีจุดดึงดูดสายตาตั้งแต่แรกเห็น

1. สร้าง First Impression ที่เหนือกว่า ดึงดูดผู้ซื้อระดับพรีเมียม

สิ่งสำคัญที่จะมัดใจกลุ่มผู้ซื้อในระดับพรีเมียมได้ ไม่ใช่แค่ความสวยงามหรือพื้นที่กว้างขวาง แต่กลุ่มผู้ซื้อระดับนี้มักมองหาภาพลักษณ์และประสบการณ์ที่จะได้กลับมา Interior Designer จึงต้องทำการออกแบบภายใน ให้ตอบโจทย์ Emotional Value มากที่สุด

  • กลยุทธ์การดึงจุดโฟกัส: กำหนดจุดเด่นหรือจุดดึงดูดสายตา เช่น โถงทางเข้า ภาพวาด หรือห้องรับแขก ที่มีแสงหักเหเข้ามาอย่างเหมาะสม สามารถมองเห็นพื้นที่โดยรอบได้อย่างชัดเจน
  • กลยุทธ์การวางผังพื้นที่: วางแผนผังห้องให้เปิดโล่ง บิ้วอินเฟอร์นิเจอร์ส่วนต่าง ๆ อย่างพอเหมาะ ไม่ยัดเยียดองค์ประกอบหลายอย่างมากเกินไป ช่วยเพิ่มการมองเห็น และทำให้รู้สึกว่าพื้นที่กว้างกว่าความเป็นจริง
บิ้วอินบ้านตามโครงสร้างพื้นฐานแบบไม่ตกยุค

2. การออกแบบที่เหนือกาลเวลา (Timeless Design) ไม่ตกยุค

ความล้าสมัย เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อ-ขายบ้าน เนื่องจากต้องมีการรีโนเวทและตกแต่งใหม่ เพื่อให้บ้านมีความทันสมัยมากขึ้น งาน Interior Design ที่ดี จึงต้องคำนึงถึงปัจจัยนี้ และทำการออกแบบตกแต่งภายใน โดยหลีกเลี่ยงการเกิดความล้าสมัย

  • การใช้โครงสร้างพื้นฐาน: วางโครงสร้างหรือแผนผังบ้านแบบพื้นฐาน สามารถเข้าได้กับทุกยุคสมัย
  • การวางสัดส่วนที่สมมาตร: หลักการออกแบบคลาสสิก จะเน้นไปที่ความสมดุลหรือสัดส่วนทองคำ ทำให้องค์ประกอบบ้านดูสมบูรณ์ และเป็นธรรมชาติ
  • การเลือกสีสันที่เป็นกลาง: โทนสีของบ้านควรใช้สีธรรมดาที่นิยม เช่น สีขาว สีเทา สีดำ สีน้ำตาล หลีกเลี่ยงการใช้สีตามเทรนด์ประจำปี
เพิ่มมูลค่าบ้านด้วยการใช้วัสดุคุณภาพสูง

3. การเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง (High-Quality Materials) ที่ทนทาน

การลงทุนในวัสดุคุณภาพสูง เป็นหัวใจหลักของการสร้างบ้านที่ทนทานและยั่งยืน ช่วยเพิ่มมูลค่าบ้านให้สูงขึ้น เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาต่ำ โดยงาน Interior Design ที่ดีจะให้ความสำคัญกับ

  • ค่าใช้จ่ายระยะยาว:การใช้วัสดุคุณภาพดี มักมีค่าใช้จ่ายสูงตามมาด้วยในช่วงเริ่มต้น แต่ในระยะยาวจะช่วยประหยัดค่าซ่อมบำรุง เปลี่ยนอะไหล่ และการต่อเติมซ้ำ ๆ ได้ตลอดอายุการใช้งาน
  • ความทนทานในการใช้งาน: วัสดุคุณภาพดี มักทนทานต่อการใช้งาน และมอบประสบการณ์ระหว่างการใช้งานที่ดี เช่น โซฟาที่ออกแบบมารองรับสรีระอย่างเหมาะสม ผ้าม่านคุณภาพดีที่ไม่กักเก็บฝุ่น เครื่องใช้ไฟฟ้าจากแบรนด์ชั้นนำที่สามารถใช้งานได้ยาวนานหลายปี เป็นต้น
smart home ที่กลมกลืนกับการออกแบบตกแต่งภายใน

4. การเพิ่มฟังก์ชันและเทคโนโลยีเพื่ออนาคต (Future-Proofing)

ท่ามกลางเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว การทำ Smart Home ให้กลมกลืนไปกับการออกแบบที่สวยงาม จะสามารถตอบโจทย์การใช้งานในระยะยาวได้เป็นอย่างดี เช่น ระบบไฟอัตโนมัติ กล้องวงจรปิด ลูกบิดประตูอัจฉริยะ เป็นต้น

อ่านบทความเพิ่มเติม: การทำ Interior Design ที่ดี ส่งผลอย่างไรต่อบ้านใหม่และบ้านรีโนเวท

Case Study: เพิ่มมูลค่าบ้าน 50 ล้าน สู่สินทรัพย์ 65 ล้าน+ ด้วย Strategic Interior Design

สำหรับใครที่ยังมองไม่เห็นภาพ ว่าเราจะสามารถใช้ประโยชน์จาก Interior Design อย่างไรให้การประเมินมูลค่าบ้าน (Property Value) เพิ่มขึ้นจากเดิมได้ เราขอยกตัวอย่างเหตุการณ์สมมุติ ดังนี้

สมมติว่าเราเป็นนักอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังมองหาบ้านเดี่ยวหรู ย่านราชพฤกษ์ ราคา 50 ล้านบาท

ต่อมา มีการออกแบบตกแต่งภายในเพิ่มเติม เช่น การบิ้วอินใหม่ทั้งหลัง การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีคุณภาพมากขึ้น และวางระบบ Smart Home เข้าไปด้วย โดยทั้งหมดนี้มีค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายในจำนวน 8 ล้านบาท

เวลาผ่านไป 5 ปี บ้านเดี่ยวย่านราชพฤกษ์เป็นที่ต้องการมากขึ้น เนื่องจากมีการทำถนนและมีความเจริญมากกว่าเดิม ส่งผลให้บ้านในโครงการเดียวกัน แต่ไม่ได้ต่อเติมเพิ่มมีราคา 55 ล้านบาท แต่บ้านที่เราลงทุนกับ Interior Design มีราคาอยู่ที่ 65 ล้านบาท เพราะมีฟังก์ชันการใช้งานและความสวยงามที่มากกว่า

สรุปได้ว่า

  • ส่วนต่างราคา: 65 – 55 = 10 ล้านบาท
  • หักค่าลงทุน: 10 – 8 = 2 ล้านบาท (กำไรส่วนเพิ่มที่เกิดขึ้นโดยตรงจากการลงทุน)

*แน่นอนว่าเงิน 8 ล้านที่โดนหักไป ไม่ได้หายไปไหน แต่คือการที่เราลงทุนกับตัวบ้านและได้ใช้งานอย่างคุ้มค่า ตลอดระยะเวลา 5 ปี

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม: งบ 5 ล้านบาท ออกแบบภายในได้แค่ไหน? ตัวอย่างจริงจาก One Nine One

เลือก Interior Designer ที่ใช่ เพื่อ “การลงทุน” ที่คุ้มค่า

สิ่งสำคัญที่จะทำให้ทุกองค์ประกอบของบ้านมีความสมบูรณ์แบบ คือ การเลือกใช้ Interior Designer จากบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายในที่น่าเชื่อถือ ซึ่งทุกท่านสามารถพิจารณาได้ ดังนี้

interior design ทำงานร่วมกันเพื่อบ้านที่ตอบโจทย์

การตีความความต้องการ เพื่อความหรูหราที่คงทน

Interior Designer ที่ดี นอกจากรับฟังความต้องการของลูกค้าแล้ว ยังต้องตีความและแนะนำสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อให้บ้านออกมาตรงกับไลฟ์สไตล์และรสนิยมของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ทั้งความสวยงามและความคงทน

พิจารณาผลงานที่ผ่านมา

วิธีที่ง่ายที่สุดในการตรวจเช็กความน่าเชื่อถือ คือ การพิจารณา Portfolioหรือผลงานเก่า ๆ ที่เคยทำไว้ ว่ามีความหลากหลาย ความละเอียด และความท้าทายในระดับไหน

บริษัทที่ให้บริการครบวงจร

One Nine One ให้บริการออกแบบตกแต่งภายในอย่างครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษา ออกแบบ เลือกเฟอร์นิเจอร์ ติดตั้ง และบริการหลังการขาย เพื่อส่งมอบบ้านที่ตรงใจคุณมากที่สุด

ความโปร่งใส่ในทุกกระบวนการทำงาน

ทีมงานต้องมีการสื่อสารอย่างชัดเจนและสม่ำเสมอ ถึงขั้นตอนการทำงาน ปัญหา อุปสรรค และความคืบหน้าในการทำงาน รวมไปถึงความสามารถในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างทันท่วงที โดยสามารถปรึกษาทีมผู้เชี่ยวชาญของเราเพื่อวางแผนการลงทุนในบ้านของคุณ ได้แล้ววันนี้

ก้าวแรกสู่การลงทุนอย่างยั่งยืน คือการลงทุนใน “บ้าน” ของคุณ

การใช้ Interior Designer ช่วยออกแบบภายในบ้าน ไม่ใช่แค่การเพิ่มมูลค่าบ้านเพียงอย่างเดียว แต่ยังเพิ่ม Functional, Emotional, และ Financial Value ที่ส่งผลต่อการลงทุนขายบ้านในอนาคต แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่จะทำให้การลงทุนครั้งนี้สำเร็จลุล่วงได้ คือ การเลือกพาร์ทเนอร์หรือบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายในที่ดีอย่าง One Nine One Discreet Luxury Interior Design พวกเราพร้อมเพิ่มมูลค่าบ้านของคุณให้หรูหรา คงทน จนสามารถสร้างกำไรให้กับผู้ที่ต้องการลงทุนกับบ้านในอนาคต

และเมื่อบ้านของคุณได้กลายเป็นสินทรัพย์อันล้ำค่าผ่านการออกแบบที่พิถีพิถันแล้ว การรักษามูลค่าและความงดงามนั้นให้คงอยู่เหนือกาลเวลาคือขั้นตอนต่อไปที่สำคัญที่สุด ที่ One Nine One เราจึงมีบริการ Home Preservation Care เพื่อดูแล ‘การลงทุน’ ของคุณให้งอกเงยและคงคุณค่าสูงสุดในระยะยาวสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อเรา โทร. 02-430-6789 หรือแอดไลน์@1nine1

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใช้ Interior Designer ออกแบบภายในและการลงทุนในบ้าน (FAQ)

1. สามารถขายบ้านในราคาที่สูงกว่าตอนซื้อมาได้จริงหรือไม่?

จริง เพราะบ้านที่มีการออกแบบภายในมาอย่างดี มีการดูแลรักษาอย่างดี และมีการต่อเติมให้สมบูรณ์มากขึ้น จะสามารถเพิ่มมูลค่าในการขายได้

2. ถ้าบ้านไม่ได้มีการต่อเติมเพิ่ม จะสามารถขายในราคาสูงได้หรือไม่?

ได้ หากบ้านได้รับการออกแบบภายในมาอย่างดี มูลค่าของบ้านอาจไม่ลดลงและมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้ เพราะผู้ที่ซื้อต่อ จะเสียค่าใช้จ่ายในการรีโนเวทหรือปรับแก้น้อยลง พื้นที่ส่วนใหญ่ภายในบ้านยังคงใช้งานต่อได้

3. ถ้าเป็นคนที่ชอบเปลี่ยนการตกแต่งบ้านตามเทรนด์บ่อย ๆ ควรทำอย่างไร?

สามารถบิ้วอินบ้านตามพื้นฐานเพื่อไม่ให้ล้าสมัย แล้วเน้นเปลี่ยนของตกแต่งชิ้นเล็ก ๆ เช่น แจกัน ภาพวาด พรมเช็ดเท้า ฯลฯ ตามความชอบของตนเอง

One Nine One Interior Design and Decor 
พร้อมออกแบบให้ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ

ด้วยบริการหลากหลายรูปแบบจากทีมนักออกแบบและทีมช่างที่มากด้วยประสบการณ์

บทความที่น่าสนใจ