แนวคิดหลักของการแต่งบ้าน Modern Luxury
การแต่งบ้านสไตล์Modern Luxury ไม่ได้หมายถึงการใช้วัสดุที่หรูหราและมีราคาแพงเท่านั้น แต่คือการออกแบบที่ผสมผสานความเรียบง่ายในแบบโมเดิร์น เข้ากับความหรูหราเหนือระดับได้อย่างสมดุล ทำให้บ้านสไตล์นี้เต็มไปด้วยบรรยากาศที่สง่างาม ทันสมัย และใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน โดยแนวคิดหลักที่มีความสำคัญของการแต่งบ้านสไตล์โมเดิร์น ลักชัวรี่ มีดังต่อไปนี้
- Less is More ที่มาพร้อมความหรูหรา :เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งอย่างพอดี ไม่รกตา แต่ทุกชิ้นต้องมีดีไซน์โดดเด่นและคุณภาพสูง
- โทนสีและวัสดุที่สะท้อนความแพง : เลือกใช้โทนสีภายใน เช่น ขาว เทา เบจ ดำ เป็นพื้นฐาน แล้วเสริมด้วยวัสดุอย่างหินอ่อน ทองเหลือง หรือไม้จริง เพื่อให้บรรยากาศหรูหรา
- การจัดแสงอย่างเหมาะสม :แสงธรรมชาติและไฟตกแต่ง เช่น โคมระย้า ไฟซ่อน หรือไฟโทนอุ่น ช่วยขับเน้นวัสดุและเพิ่มบรรยากาศลักชัวรี่
- ฟังก์ชันการใช้งานที่ลงตัว : แบบบ้านหรูจะสวยอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องตอบโจทย์การใช้งานจริง เช่น การจัดพื้นที่กว้าง โปร่ง และเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้งานได้หลากหลาย
- รายละเอียดที่บ่งบอกถึงรสนิยม : เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มี Texture หรูหรา เช่น กำมะหยี่ หนังแท้ และของตกแต่งที่เป็นงานศิลป์ เพื่อสะท้อนความพิถีพิถันและรสนิยมเจ้าของบ้าน
อ่านบทความที่น่าสนใจ :แนวทางออกแบบห้องนอนสไตล์ Modern Luxury ให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการ
5 เทคนิคในการจับคู่สีแต่งบ้าน Modern Luxury
สำหรับแนวทางแรกเป็น 5 เทคนิคในการจับคู่สีแต่งบ้านสไตล์ Modern Luxury ให้ดูแพงและหรูหรา มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. เริ่มจากสีโทนกลางเรียบหรูเป็นพื้นฐาน
เริ่มการแต่งบ้าน Modern Luxury ด้วยการใช้สีโทนกลาง เช่น ขาว ขาวหม่น เทาอ่อน เบจ หรือครีม เป็นสีพื้นฐานจะช่วยให้บ้านดูสงบ ทันสมัย และหรูหรา หากต้องการเพิ่มมิติสามารถเลือกใช้สีเข้มขึ้น อย่างสีเทาชาร์โคล หรือสีน้ำเงินดำ เพื่อเพิ่มความลุ่มลึกและน่าค้นหา
2. เติมสีที่โดดเด่นและหรูหรา
เพื่อให้ภายในบ้านดูโดดเด่นและลักชัวรี่ ให้เพิ่มเติมด้วยโทนสีที่เข้มขึ้น เช่น สีเขียวมรกต สีม่วงเข้มหรือสีทอง จะช่วยยกระดับการตกแต่งภายในแบบบ้านหรูได้ทันที
3. ใช้กฎ 60-30-10 ในการจับคู่และออกแบบสี
กฎนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญในการจับคู่สีที่ใช้ในงานออกแบบบ้านสไตล์ Modern Luxury โดยใช้สัดส่วนของสีดังต่อไปนี้
- สีหลัก 60% : สีหลักที่ใช้กับผนังหรือเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ภายในห้อง
- สีรอง 30% : สีที่ใช้เติมเต็มบรรยากาศ ใช้กับของตกแต่งหรือของประดับขนาดใหญ่และขนาดกลาง เช่น พรม โซฟา
- สีเสริม 10% :แม้จะเป็นเพียงสีเสริม แต่กลับเป็นองค์ประกอบที่ช่วยขับเน้นความโดดเด่นให้บ้านดูหรูหราขึ้นอย่างชัดเจน เลือกใช้กับหมอนอิง แจกัน งานศิลปะหรือของตกแต่งชิ้นเล็ก
4. ผสมผสานพื้นผิวและเนื้อสัมผัส
การเล่นกับพื้นผิวและเนื้อสัมผัส เช่นการใช้กำมะหยี่ หนังแท้ หรือหินอ่อน จะช่วยให้สีมีมิติและดูแพงในแบบบ้านหรูและยังสามารถใช้การจับคู่พื้นผิวที่ต่างกัน เช่น ผนังที่เรียบด้านกับพื้นผิวมันวาว หรือหนังเรียบ ๆ กับผ้าลินิน เพื่อสร้างความแตกต่างที่ใส่ใจในรายละเอียด
5. แสงช่วยสร้างบรรยากาศ
แสงไฟโทนอุ่นสามารถทำให้สีโทนเข้มดูเรียบหรูและสุขุมยิ่งขึ้น ขณะที่แสงธรรมชาติจะช่วยดึงความสดใสของสีเสริมให้ออกมาอย่างชัดเจน ทำให้ห้องดูมีชีวิตชีวาและสมดุลมากขึ้น ดังนั้น ควรให้ความสำคัญกับช่องแสงธรรมชาติ โคมไฟและสีของหลอดไฟ เพื่อควบคุมบรรยากาศแห่งความหรูหราให้มากที่สุด
จบทุกปัญหาเรื่องจับคู่สีในการออกแบบบ้าน ด้วยบริการ Interior Design แบบครบวงจร ที่ดูแลโดยนักออกแบบมืออาชีพ สอบถามรายละเอียดได้ที่One Nine One Discreet Luxury Interior Design หรือเลือกดูตัวอย่างการออกแบบที่ผลงานของเรา
5 ไอเดียจับคู่สีแต่งบ้าน Modern Luxury
เมื่อได้เทคนิคในการตกแต่งบ้านสไตล์ Modern Luxury ไปแล้ว แต่ยังนึกภาพเกี่ยวกับการจับคู่สีในงานออกแบบและตกแต่งภายในไม่ออก เราก็มี 5 ไอเดียจับคู่สีมาให้เป็นแนวทาง ดังนี้
1. Bold Contrasts and Earthy Tones
แต่งบ้าน Modern Luxury ให้ดูแพงด้วยการใช้คู่สีที่ตัดกัน ช่วยสร้างความรู้สึกมีพลังและหรูหรา โดยการเลือกใช้สีเอิร์ธโทนเป็นสีหลัก เช่น เบจและน้ำตาล เพิ่มความสดใสด้วยสีฉูดฉาดเป็นสีเสริมอย่างสีเหลืองสดหรือสีเขียวสว่าง การผสมผสานนี้จะช่วยสร้างมิติและความน่าสนใจที่สะท้อนถึงบ้านลักชัวรี่ได้อย่างสนุกสนาน
2. Monochrome and Subtle Hues
หนึ่งในแนวคิดของการแต่งบ้าน Luxury คือ ความหรูหราที่อยู่เหนือกาลเวลา ทำให้การเลือกจับคู่สีแบบโมโนโทนกับเฉดสีอ่อน ๆ เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ อย่างการเลือกสีหลักเป็นโทนเดียว เช่น สีขาวหม่น หรือสีเทาอ่อน แล้วใช้สีชมพูหรือสีแดงอ่อน ๆ เป็นสีเสริม นอกจากจะสะท้อนถึงความหรูหราดูแพงแล้ว ยังเป็นคู่สีที่เงียบสงบ สบายตา และไม่หวือหวาจนเกินไปด้วย
3. Eclectic and Vibrant Combinations
ไอเดียนี้เป็นการผสมผสานความโดดเด่นและความมีชีวิตชีวาเข้าด้วยกัน โดยเริ่มจากสีพื้นฐานที่มีความโดดเด่นอย่าง สีเขียวมรกต น้ำเงินไพลิน หรือสีแดงทับทิม แล้วเติมความมีชีวิตชีวาด้วยพื้นผิวหรือลวดลายที่มีความแวววาวและซับซ้อน เป็นการผสมผสานที่เติมเต็มความลักชัวรี่ที่สนุกสนานและมีอิสระ
4. Timeless Luxury with Terracotta Tones
สำหรับการจับคู่สีแต่งบ้าน Modern Luxury สไตล์นี้ จะให้ความรู้สึกหรูหราและคลาสสิก ด้วยการเลือกใช้สีหลักอย่างน้ำตาลอ่อน สีดินเผา สีส้มไหม้ และสีแดงอ่อน อาจใช้สีเสริมในบางจุด เช่น สีครีม หรือสีขาวหม่น คู่สีเหล่านี้จะให้ความรู้สึกมั่นคง เป็นธรรมชาติ แต่ก็บ่งบอกถึงความอบอุ่น ผ่อนคลาย และความลักชัวรี่ที่ประณีตในสไตล์คลาสสิก
5. Monochromatic Luxury with Deep Shades
ไอเดียสุดท้ายคือความเรียบง่ายแบบ Less is More ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อย่างการจับคู่สีโมโนโครมโทนเข้มและลึก เช่น สีน้ำเงินดำ สีเทาชาร์โคล เป็นโทนสีพื้นฐาน แล้วเติมเต็มด้วยสีเสริมจากของตกแต่ง เช่น สีขาวหม่น สีเงินหรือสีทองเมทัลลิค จะช่วยเพิ่มความหรูหรา อบอุ่น และสง่างามในแบบบ้าน Luxury
แต่งบ้าน Modern Luxury ให้ดูแพงไม่ใช่เรื่องยาก เริ่มต้นได้ด้วยการจับคู่สี
การแต่งบ้าน Modern Luxury ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด แต่ต้องให้ความสำคัญกับการจับคู่สีและผสมผสานรายละเอียดจากของตกแต่งให้เหมาะสม เพื่อให้ได้บ้านที่ดูแพงและลงตัวกับสไตล์มากยิ่งขึ้น หรือลองใช้เทคนิคการจับคู่สีควบคู่ไปกับไอเดียการเลือกสีที่เราแนะนำไป ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้คุณสามารถตกแต่งภายในบ้านให้ดูแพงแบบ Luxury ด้วยตัวเองได้
แต่สำหรับท่านที่ไม่แน่ใจเกี่ยวกับการจับคู่สีในการออกแบบบ้านสไตล์ Modern Luxury สามารถปรึกษานักออกแบบผู้เชี่ยวชาญกับOne Nine One Discreet Luxury Interior Design ได้เช่นกัน เรามีบริการช่วยดูแลงานออกแบบและตกแต่งภายในให้แบบครบวงจร เพื่อให้คุณได้บ้านในแบบที่ต้องการมากที่สุด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-430-6789 หรือแอดไลน์@1nine1
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ การแต่งบ้าน Modern Luxury
1. กฎ 60-30-10 ใช้กับบ้านทุกแบบได้หรือไม่?
กฎนี้ใช้ได้กับบ้านทุกสไตล์ เป็นกฎที่ช่วยจัดสมดุลระหว่างสีหลัก สีรอง และสีไฮไลต์
2. ถ้าพื้นที่ในบ้านน้อย ควรใช้สีอะไรให้รู้สึกกว้างสบายตา แต่หรูหรา?
ควรใช้สีโทนอ่อนเป็นพื้น เช่น ขาว ครีม หรือเบจ แล้วแต้มด้วยสีเข้มในบางจุดเพื่อเพิ่มมิติ
3. สีทองเหมาะกับห้องทุกห้องหรือไม่?
สีทองให้ความรู้สึกหรูหราได้จริง แต่ควรใช้เป็นเสริมหรือสีไฮไลต์ ไม่ควรใช้มากเกินไปเพื่อลดความรู้สึกอึดอัด