Green Interior Design คืออะไร?
Green Interior Design คือ แนวคิดการออกแบบภายในบ้านที่ให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และลดการสร้างขยะหรือมลพิษที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยคำนึงถึงความสวยงาม การใช้งานจริง และความยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งแนวทางแต่งบ้านสวย ๆ ในแบบบ้านรักษ์โลกต้องให้ความสำคัญตั้งแต่การออกแบบ การเลือกใช้วัสดุตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงอาศัยหลักการและเทคนิคของบริษัท Interior Design ในการตกแต่งเพื่อให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด
ข้อดีของ Green Interior Design
แม้ว่าการตกแต่งบ้านให้สวยและมีเอกลักษณ์จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญ แต่หากมองถึงความคุ้มค่าในระยะยาวการนำแนวคิดตกแต่งบ้านแบบ Green Interior Design มาใช้ด้วย ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะมีข้อดีในหลายด้านต่อไปนี้
- ช่วยประหยัดพลังงาน: บ้านที่ออกแบบอย่างใส่ใจในเรื่องของการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า จะช่วยลดค่าน้ำและค่าไฟได้ในระยะยาว
- ดูแลสุขภาพ :ด้วยวัสดุปลอดสารพิษ และระบบระบายอากาศที่ดี ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคภูมิแพ้และสารเคมีตกค้าง
- ดูแลสิ่งแวดล้อม: ขั้นตอนการออกแบบและตกแต่งบ้านแบบ Green Design จะเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่มาจากการรีไซเคิล เพื่อรบกวนสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด
- บ้านน่าอยู่ในระยะยาว: แม้จะเป็นบ้านรักษ์โลก แต่ก็ยังคงดีไซน์และสไตล์บ้านที่สวยงาม หรูหรา มีเอกลักษณ์ได้ เพราะสิ่งสำคัญของแนวคิดนี้คือความทนทานของวัสดุ ความปลอดภัยต่อสุขภาพ และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในอนาคตได้จริง
อ่านบทความที่น่าสนใจ :แอร์บ้านไม่เย็น เกิดจากสาเหตุอะไร พร้อมทริคแก้ไขด้วยตัวเองเบื้องต้นแบบง่าย ๆ
แนวทางการแต่งบ้านแบบ Green Interior Design
การแต่งบ้านแบบGreen Interior Design มีเอกลักษณ์ที่ค่อนข้างชัดเจน โดยแนวทางสำคัญของการแต่งบ้านรักษ์โลกมีรายละเอียดต่อไปนี้
1. เลือกวัสดุธรรมชาติและวัสดุรีไซเคิล
ในการออกแบบบ้านรักษ์โลก สามารถเลือกใช้วัสดุที่ผลิตจากทรัพยากรหมุนเวียน หรือวัสดุรีไซเคิล เช่น ไม้ไผ่ พลาสติกรีไซเคิล เพื่อใช้ตกแต่งบ้าน นอกจากนี้ควรใช้สีที่ปราศจากสารระเหยอินทรีย์ เพื่อลดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมและเป็นมิตรต่อสุขภาพ หรือการใช้ของแต่งบ้านมือสองสำหรับบ้านสไตล์วินเทจ
2. ออกแบบเพื่อประหยัดพลังงาน
การตกแต่งภายในช่วยประหยัดพลังงานจะให้ความสำคัญกับอากาศหมุนเวียนภายในบ้าน เพื่อให้เป็นบ้านที่อยู่สบายได้ตลอดวัน เช่นการใช้ผ้าม่านแบบสองชั้นเพื่อช่วยควบคุมความร้อนและแสงสว่างในเวลากลางวัน หรือการจัดวางตำแหน่งโซฟาและเฟอร์นิเจอร์ในบ้านให้หลีกเลี่ยงความร้อนจากแสงแดด เพื่อลดการใช้พลังงานในเวลากลางวัน
3. ใช้แสงธรรมชาติและการระบายอากาศ
การแต่งบ้านแบบ Green Interior Design ควรเลือกใช้การติดตั้งหน้าต่างบานใหญ่หรือใช้ช่องแสงบนหลังคา เพื่อดึงแสงธรรมชาติเข้าบ้าน ช่วยให้บ้านโปร่งโล่งและมีการระบายอากาศที่ดี นอกจากนี้การมีพื้นที่สีเขียวในบางมุมของบ้าน ยังช่วยฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ และช่วยควบคุมความชื้นภายในบ้านด้วย
4. เลือกเฟอร์นิเจอร์คุณภาพสูงและยั่งยืน
เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตจากวัสดุที่ยั่งยืนและเป็นวัสดุรีไซเคิล โดยเลือกจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้มั่นใจในเรื่องคุณภาพสินค้า รองรับกับอายุการใช้งานในระยะยาว และลดค่าใช้จ่ายที่ต้องบำรุงรักษาหรือเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์บ่อย
5. ออกแบบพื้นที่สำหรับการแยกขยะ
เพื่อให้เป็นบ้านรักษ์โลกที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ควรมีพื้นที่สำหรับการคัดแยกขยะและการรีไซเคิล อย่างการใช้ถังขยะแยกประเภท และพื้นที่กำจัดเศษอาหารเพื่อแยกไว้ทำปุ๋ยหมัก เป็นต้น
มองหามืออาชีพช่วยออกแบบบ้านรักษ์โลก พร้อมงานตกแต่งภายในที่ตอบโจทย์กับทุกคนในครอบครัว One Nine One Discreet Luxury Interior Design ยินดีให้คำปรึกษา เพื่อเปลี่ยบ้านในฝัน ให้กลายเป็นบ้านที่อยู่ได้จริง เลือกดูรายละเอียดบริการของเรา
ตารางเปรียบเทียบการออกแบบบ้านทั่วไป กับ Green Interior Design
เพื่อให้เห็นภาพรวมความแตกต่างของการออกแบบบ้านทั่วไป กับการออกแบบ Green Interior Design ต่อไปนี้คือตารางเปรียบเทียบในด้านต่าง ๆ
คุณสมบัติ | บ้านทั่วไป | บ้านรักษ์โลก |
วัสดุที่ใช้ | วัสดุสังเคราะห์ ใช้ครั้งเดียว | วัสดุธรรมชาติ รีไซเคิลได้ |
การใช้พลังงาน | ใช้ไฟฟ้าเกือบตลอดทั้งวัน | ใช้แสงธรรมชาติ ลดพลังงานไฟฟ้า |
บรรยากาศบ้าน | ความสวยงาม หรูหรา | สวยงาม อบอุ่น และใกล้ชิดธรรมชาติ |
สุขภาพผู้อยู่อาศัย | อาจมีสารเคมีปนเปื้อน และการสะสมฝุ่น | วัสดุปลอดภัยจากสารเคมี การระบายอากาศที่ดี |
ค่าใช้จ่ายระยะยาว | บำรุงรักษาบ่อย และเปลี่ยนใหม่หลายครั้ง | ใช้วัสดุที่ทนทาน ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว |
จากตารางเปรียบเทียบ แม้ทั้งสองแบบจะให้ความสำคัญกับความสวยงาม แต่ Green Interior Design จะเน้นความยั่งยืนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ต่างจากการออกแบบบ้านทั่วไปที่เน้นความสวยงามและฟังก์ชันเป็นสิ่งสำคัญ
ตัวอย่างการแต่งบ้านรักษ์โลก
สำหรับคนที่อยากแต่งบ้านเพื่อสิ่งแวดล้อมในแบบ Green Interior Design ลองมาดูไอเดียเหล่านี้ เพื่อประยุกต์ใช้กับการแต่งบ้านของคุณกัน
- สำหรับทั้งบ้าน :ใช้นวัตกรรมประหยัดพลังงาน เช่น ระบบโซลาร์เซลล์ เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดไฟเบอร์ 5 และใช้หลอดไฟ LED
- สำหรับห้องนอน :เลือกเตียงไม้ที่มีการรับรอง FSC ใช้ผ้าปูและปลอกหมอนจากเส้นใยออร์แกนิค และสีทาผนังปลอด VOCs
- สำหรับห้องนั่งเล่น :ติดตั้งหน้าต่างบานใหญ่ในทิศทางที่ได้รับแสงสว่างและม่านสองชั้นช่วยกรองความร้อน ใช้เฟอร์นิเจอร์และพรมจากเส้นใยธรรมชาติหรือวัสดุรีไซเคิล
- สำหรับห้องน้ำ :เลือกสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ประปาที่ช่วยประหยัดน้ำ กระเบื้องปูพื้นกันลื่นจากวัสดุรีไซเคิล และเครื่องทำน้ำอุ่นแบบประหยัดไฟ
- สำหรับห้องครัว : ออกแบบเคาน์เตอร์ครัวที่ใช้วัสดุรีไซเคิล หากเป็นครัวแยกให้มีช่องแสงที่หลังคาเพื่อเพิ่มแสงสว่าง เลือกใช้ตู้เย็นและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 และพื้นที่คัดแยกขยะและเศษอาหาร
Green Interior Design แนวทางออกแบบบ้านที่ “สวยอย่างยั่งยืน”
การแต่งบ้านด้วยแนวคิดGreen Interior Design ไม่ใช่แค่แนวทางแต่งบ้านที่มาเป็นเทรนด์ชั่วคราว แต่การแต่งบ้านรักษ์โลกคือการลงทุนเพื่ออนาคต ที่ไม่ใช่แค่บ้านสวย ทันสมัย แต่ต้องช่วยประหยัดพลังงาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นบ้านที่พร้อมส่งมอบความสุขและสุขภาพที่ดีให้กับทุกคนในครอบครัวได้ในระยะยาว อย่างไรก็ตามการออกแบบบ้านด้วยแนวคิดนี้ อาจต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของนักออกแบบ หรือบริษัท Interior Designที่มีประสบการณ์และเข้าใจในการเลือกวัสดุได้อย่างเหมาะสมด้วย
หากคุณกำลังมองหาการออกแบบภายในที่ผสมผสานความหรูหรา ความสบาย และการใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วยแนวคิดบ้านรักษ์โลกOne Nine One Discreet Luxury Interior Design พร้อมดูแล เพื่อให้คุณมีบ้านที่ตรงกับความต้องการและสะท้อนตัวตนได้แบบครบวงจร
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-430-6789 หรือแอดไลน์@1nine1
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Green Interior Design
1. Green Interior Design แตกต่างจากการแต่งบ้านทั่วไปอย่างไร?
Green Interior Design เน้นความสวยงามควบคู่กับการใช้วัสดุที่ยั่งยืน และการออกแบบที่ช่วยลดการใช้พลังงานส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด
2. ถ้าอยากทำบ้านประหยัดพลังงาน ควรเริ่มจากอะไร?
วิธีง่าย ๆ คือการเริ่มจากใช้หลอดไฟ LED เลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 และออกแบบบ้านให้รับแสงธรรมชาติได้เต็มที่
3. Green Interior Design เหมาะกับบ้านแบบไหน?
เหมาะกับบ้านทุกประเภท ตั้งแต่คอนโดไปจนถึงบ้านเดี่ยว เพราะเป็นการออกแบบที่ปรับใช้ได้กับทุกพื้นที่ โดยมีสิ่งสำคัญคือการออกแบบและตกแต่งอย่างเข้าใจ