มัณฑนากร (Interior Designer) คือใคร?
มัณฑนากร คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบตกแต่งภายใน ที่ไม่เพียงทำให้บ้านหรือพื้นที่สวยงาม แต่ยังออกแบบให้พื้นที่เหล่านั้นใช้งานได้จริง ปลอดภัย และสะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัย
มัณฑนากรหรืออินทีเรียดีไซน์ จะอยู่ในทุกขั้นตอนของการออกแบบ ตั้งแต่แนวคิดจนถึงการส่งมอบงาน เพื่อให้ทุกการตัดสินใจในงานออกแบบ ไม่ใช่แค่ออกมาดูดี แต่มีเหตุผลรองรับ เช่น
- วางผังพื้นที่ให้เหมาะสมกับการใช้งาน
- ออกแบบ mood & tone ให้ตรงกับสไตล์ที่เจ้าของบ้านต้องการ
- สื่อสารกับทีมช่างและควบคุมคุณภาพให้งานออกมาตามแบบ
- คัดสรรวัสดุ เฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งที่เหมาะกับฟังก์ชันและงบประมาณ
- สร้างแบบภาพ 3 มิติ (3D Perspective) เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนก่อนเริ่มงานจริง ทั้งลักษณะพื้นที่ใช้สอย วัสดุ สี แสง
อ่านบทความที่น่าสนใจ :เข้าใจการทำงานร่วมกับมัณฑนากร เพื่อให้คุณได้รับผลงาน Interior Design บ้านที่ตรงใจที่สุด
หน้าที่ของมัณฑนากรมีอะไรบ้าง?
Interior Designer ไม่ได้มีหน้าที่แค่เลือกเฟอร์นิเจอร์สวย ๆ หรือจัดวางของให้ดูดี แต่ในความจริงแล้วงานของพวกเขามีความละเอียดและซับซ้อนมากกว่านั้น
1. วิเคราะห์ความต้องการของเจ้าของบ้าน
มัณฑนากรจะพูดคุยเพื่อเข้าใจไลฟ์สไตล์ งบประมาณ และรสนิยมของคุณ เช่น ชอบบรรยากาศแบบไหน ใช้พื้นที่ส่วนไหนบ่อยที่สุด หรือมีข้อจำกัดด้านสุขภาพที่ต้องคำนึงถึงหรือไม่
2. ออกแบบผังพื้นที่ (Space Planning)
ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด หรือสำนักงาน พื้นที่ทุกตารางเมตรต้องถูกใช้ให้คุ้มค่าและปลอดภัย ตั้งแต่การกำหนดตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์จนถึงทางเดินและการไหลเวียนของผู้ใช้งาน
3. เลือกวัสดุและสี
มัณฑนากรจะเลือกวัสดุที่เหมาะกับการใช้งานและบรรยากาศ เช่น ไม้ลามิเนตที่ดูอบอุ่นแต่ดูแลง่าย หรือหินธรรมชาติที่เพิ่มความหรูหรา
4. ออกแบบแสงสว่าง
เพราะแสงไม่เพียงช่วยให้มองเห็น แต่ยังสร้างอารมณ์ให้กับพื้นที่ เช่น แสงสีอบอุ่นช่วยทำให้ห้องนั่งเล่นรู้สึกผ่อนคลาย ในขณะที่แสงขาวสว่างช่วยให้ห้องครัวมีความปลอดภัยในการทำอาหาร
5. ควบคุมงานและประสานกับช่าง
มัณฑนากรจะดูแลให้การตกแต่งเป็นไปตามแบบ คุมคุณภาพงาน และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นหน้างาน เพื่อให้คุณได้บ้านที่ตรงกับภาพที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก
คุณสมบัติสำคัญของมัณฑนากร
การจะเป็นมัณฑนากรที่ทำงานได้อย่างมืออาชีพ ไม่ได้อาศัยแค่ความชอบเรื่องการตกแต่งเท่านั้น แต่ต้องมีทั้งความรู้ ทักษะ และทัศนคติที่ดี เพื่อสร้างสรรค์งานที่ตอบโจทย์ทั้งความสวยงามและการใช้งานจริง โดยทักษะสำคัญของการเป็นมัณฑนากร มีดังนี้
- มีพื้นฐานการศึกษาและความรู้ด้านการออกแบบภายใน
- มีความคิดสร้างสรรค์และเอกลักษณ์เฉพาะตัว
- เข้าใจวัสดุและการใช้งานจริง
- เชี่ยวชาญด้านการใช้เทคโนโลยีและโปรแกรมออกแบบ
- ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่น
- รู้จักสไตล์และเทรนด์การตกแต่งที่หลากหลาย
- ใส่ใจรายละเอียดและมีวินัยในการทำงาน
- แสวงหาความรู้ใหม่อยู่เสมอ
นักออกแบบภายในต่างจากสถาปนิกอย่างไร?
นักออกแบบภายใน (Interior Designer) และสถาปนิก (Architect) มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนทำงานแบบเดียวกัน เพราะทั้งคู่เกี่ยวข้องกับการออกแบบและการสร้างสรรค์พื้นที่ แต่จริง ๆ แล้วบทบาท หน้าที่ และขอบเขตงานของทั้ง 2 ตำแหน่งนี้แตกต่างกันพอสมควร
ขอบเขตงานและความรับผิดชอบ
สถาปนิก (Architect)
- ออกแบบโครงสร้างอาคารตั้งแต่ภายนอกจนถึงภายใน
- วางผังอาคาร วางระบบโครงสร้าง เช่น เสา คาน หลังคา รวมถึงงานระบบต่าง ๆ (ไฟฟ้า ประปา ระบายอากาศ ฯลฯ)
- ทำงานร่วมกับวิศวกรและผู้รับเหมาเพื่อให้การก่อสร้างเป็นไปตามแบบและมาตรฐานความปลอดภัย
- ให้ความสำคัญกับความแข็งแรง ความทนทาน และการใช้งานของอาคารในภาพรวม
อินทีเรียดีไซเนอร์ (Interior Designer)
- เน้นการออกแบบตกแต่งภายในอาคารให้สวยงามและตอบโจทย์การใช้งาน
- จัดวางเฟอร์นิเจอร์ กำหนดโทนสี แสงสว่าง วัสดุตกแต่ง และองค์ประกอบที่สร้างบรรยากาศ
- ปรับพื้นที่ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย หรือเอกลักษณ์ของแบรนด์
- คำนึงถึงความสวยงาม ความสบาย และประสบการณ์ของผู้ใช้เป็นหลัก
กระบวนการทำงาน
สถาปนิก
เริ่มงานตั้งแต่ขั้นตอน “ก่อนสร้าง” เช่น ออกแบบผังอาคาร ขออนุญาตก่อสร้าง ไปจนถึงควบคุมงานก่อสร้าง
อินทีเรียดีไซเนอร์
มักเริ่มทำงานหลังจากโครงสร้างอาคารเสร็จแล้ว หรือทำงานคู่ขนานในส่วนของการวางแผนตกแต่งภายใน
การศึกษาและทักษะ
สถาปนิก
ต้องจบการศึกษาด้านสถาปัตยกรรม และมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรม
อินทีเรียดีไซเนอร์
อาจมาจากคณะสถาปัตย์ สาขาออกแบบภายใน หรือเรียนด้านตกแต่งภายในโดยตรง
เพื่อให้คุณเห็นภาพความแตกต่างได้ชัดเจนขึ้น เราได้ทำตารางบอกเล่าความแตกต่างระหว่าง อินทีเรียดีไซเนอร์ และ สถาปนิก ไว้ให้ดูเพิ่มเติมแล้ว ดังนี้
ความแตกต่าง | อินทีเรียดีไซเนอร์ (Interior Designer) | สถาปนิก (Architect) |
ขอบเขตงาน | ออกแบบและตกแต่งภายในอาคาร เน้นการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ กำหนดโทนสี วัสดุ และองค์ประกอบที่สร้างบรรยากาศ | ออกแบบโครงสร้างอาคารทั้งหมด ตั้งแต่ภายนอกจนถึงภายใน รวมถึงผังอาคาร ระบบโครงสร้าง และงานระบบต่าง ๆ |
ความรับผิดชอบ | สร้างความสวยงาม ความสบาย และประสบการณ์ที่ดี | สร้างความแข็งแรง ทนทาน และความปลอดภัยของอาคาร |
กระบวนการทำงาน | มักเริ่มหลังจากโครงสร้างอาคารเสร็จ หรือทำงานควบคู่กันในขั้นตอนการวางแผนตกแต่งภายใน | เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนก่อนสร้าง เช่น การออกแบบผัง ขออนุญาตก่อสร้าง และควบคุมงานก่อสร้าง |
คุณสมบัติ | สามารถจบได้ทั้งจากคณะสถาปัตยกรรม (สาขาออกแบบภายใน) หรือสาขาที่เกี่ยวข้องกับการตกแต่งภายในโดยตรง | ต้องจบการศึกษาด้านสถาปัตยกรรมและมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ |
ถ้าเปรียบบ้านเป็นร่างกาย สถาปนิก คือ คนสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ซึ่งก็คือคนสร้างโครงสร้างและพื้นที่ ส่วนอินทีเรียดีไซเนอร์ คือ คนแต่งตัวให้ร่างกายดูดี มีสไตล์ และเหมาะกับบุคลิก ซึ่งก็คือ คนสร้างบรรยากาศและประสบการณ์ เรียกได้ว่าการทำงานร่วมกันอย่างลงตัวของทั้งคู่ เป็นหัวใจของอาคารที่ทั้งแข็งแรงและสวยงามเลยก็ว่าได้
ทำไมควรจ้างมัณฑนากร?
บ้านสวยอาจสร้างความประทับใจได้ตั้งแต่แรกพบ แต่บ้านที่ดีจริง ๆ คือบ้านที่อยู่แล้วสบาย ใช้งานได้ตรงใจ และสะท้อนความเป็นตัวตนของเจ้าของอย่างแท้จริง และเพื่อทำให้บ้านออกมาสมบูรณ์แบบ ไม่ใช่แค่เลือกเฟอร์นิเจอร์สวย ๆ หรือการตกแต่งตามภาพใน Pinterest แต่ต้องอาศัยการวางแผนที่รอบคอบ ใส่ใจในทุกรายละเอียด มาดูเหตุผลกันว่าทำไมการว่าจ้างนักออกแบบภายในจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
1. ลงทุนครั้งเดียว คุ้มไปอีกนาน
มัณฑนากรช่วยวางแผนการออกแบบและตกแต่งอย่างเป็นระบบ ทำให้ทุกขั้นตอนชัดเจน ลดความเสี่ยงในการแก้ไขงานซ้ำที่สิ้นเปลืองงบและเวลา
2. พื้นที่ที่ใช้ได้จริง ไม่ใช่แค่สวยในภาพ
ทุกดีไซน์ถูกคิดบนพื้นฐานการใช้งานจริง ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ แสงสว่าง หรือฟังก์ชันในชีวิตประจำวัน เพื่อให้คุณใช้ชีวิตได้สะดวกสบายทุกมุมบ้าน
3. คุมคุณภาพได้ตั้งแต่ต้นจนจบ
ตั้งแต่การเลือกวัสดุ การสื่อสารกับช่าง จนถึงการตรวจงานขั้นสุดท้าย คุณจะมีคนคอยดูแลรายละเอียดเล็กใหญ่ให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์
4. บ้านที่สะท้อนตัวตนอย่างแท้จริง
มัณฑนากรจะซึมซับรสนิยม ไลฟ์สไตล์ และความต้องการของเจ้าของบ้าน แล้วถ่ายทอดออกมาเป็นพื้นที่ที่ “ใช่” ทั้งในความรู้สึกและสายตา
เปลี่ยนทุกพื้นที่ให้เป็นบ้านในฝัน ด้วย Interior Designer มืออาชีพ จาก One Nine One Discreet Luxury Interior Design
การจ้างมัณฑนากรช่วยให้คุณได้พื้นที่ที่สวย ใช้งานได้จริง สะท้อนตัวตน และอยู่สบายไปอีกนานโดยไม่ต้องเสียเวลามาแก้ไขทีหลัง หากคุณกำลังวางแผนปรับปรุงบ้าน สำนักงาน หรือคอนโด ให้เราเป็นผู้ช่วยที่ทำให้ทุกดีไซน์ของคุณเป็นจริง
หากคุณกำลังมองหามัณฑนากรมืออาชีพ ที่จะสร้างพื้นที่ของคุณให้สวย หรู และมีเอกลักษณ์One Nine One Discreet Luxury Interior Design พร้อมทำให้ความฝันของคุณเป็นจริง ด้วยทีม Interior Designer มากประสบการณ์ ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การเลือกสี แสง เฟอร์นิเจอร์ ไปจนถึงการคัดสรรวัสดุคุณภาพ เพื่อให้ทุกห้องไม่ใช่แค่สวย แต่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตและสร้างแรงบันดาลใจให้คุณทุกวัน พร้อมบริการติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ Built-in และให้คำปรึกษาอย่างมืออาชีพทุกขั้นตอน
ชมผลงานการออกแบบภายในห้องนอนของเรา หรือดูรายละเอียดบริการออกแบบตกแต่งภายใน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อเรา โทร. 02-430-6789 หรือแอดไลน์@1nine1
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการว่าจ้างมัณฑนากร
1. จำเป็นต้องจ้างทั้งสถาปนิกและอินทีเรียดีไซเนอร์หรือไม่?
ไม่จำเป็นต้องจ้างทั้งสองตำแหน่งเสมอไป ขึ้นอยู่กับลักษณะงาน ถ้าเป็นการสร้างหรือปรับโครงสร้างอาคาร ควรจ้างสถาปนิก แต่ถ้าเป็นการตกแต่งภายในเพื่อความสวยงามและการใช้งาน ควรจ้างอินทีเรียดีไซเนอร์ อย่างไรก็ตาม หากต้องการบ้านที่ครบทั้งโครงสร้างและบรรยากาศ การทำงานร่วมกันของทั้งสองจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
2. สถาปนิกสามารถออกแบบตกแต่งภายในได้หรือไม่?
แม้สถาปนิกมีพื้นฐานด้านการออกแบบภายในอยู่บ้าง แต่ความเชี่ยวชาญหลักอยู่ที่โครงสร้าง วัสดุ และความปลอดภัยของอาคาร ดังนั้น การตกแต่งภายในเชิงลึกยังต้องอาศัยนักออกแบบตกแต่งภายในที่มีความรู้ด้านสไตล์ วัสดุเฟอร์นิเจอร์ และการใช้พื้นที่ให้คุ้มค่าที่สุด
3. อินทีเรียดีไซเนอร์สามารถออกแบบโครงสร้างบ้านได้หรือไม่?
อินทีเรียดีไซเนอร์ไม่ได้มีใบอนุญาตทางวิชาชีพสำหรับออกแบบโครงสร้างอาคาร ดังนั้น ถ้างานเกี่ยวข้องกับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างหลัก ต้องให้สถาปนิกหรือวิศวกรเป็นผู้รับผิดชอบ
4. ค่าจ้างอินทีเรียดีไซเนอร์กับสถาปนิกต่างกันมากไหม?
ค่าจ้างขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ความซับซ้อนของงาน และขอบเขตงานที่ว่าจ้าง โดยทั่วไป ค่าจ้างอินทีเรียดีไซเนอร์อาจคิดเป็นเหมารวม หรือคิดตามพื้นที่เป็นตารางเมตร ส่วนสถาปนิกจะคำนวณจากเปอร์เซ็นต์ของมูลค่างานก่อสร้าง
5. ถ้ามีงบจำกัด ควรเลือกใครก่อน?
สำหรับงานสร้างใหม่หรือปรับโครงสร้าง ควรเริ่มจากสถาปนิกเพื่อให้ได้แบบที่ถูกต้องและปลอดภัย ส่วนงานตกแต่งสามารถทำเป็นเฟสต่อไปเมื่อมีงบเพียงพอ แต่ถ้าเป็นการรีโนเวทหรือปรับบรรยากาศภายในบ้านโดยไม่แตะโครงสร้าง ก็สามารถเริ่มจากอินทีเรียดีไซน์ได้เลย